ยันไม่กระทบการบริหารงานกทม.-งดอิงสัญญาเดิม

กทม.2 ดินแดง – เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่อาคารไอราวัตพัฒนา นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาระบบขนส่งมวลชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปิดเผยว่า สาเหตุที่สภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) เห็นชอบในโครงการการรับมอบงานทรัพย์สินระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 หรือเห็นด้วยให้ กทม.จ่ายหนี้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ในส่วนค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณในการเดินรถ (อีแอนด์เอ็ม) จำนวน 23,488,692,165.65 บาท

นายนภาพลกล่าวว่า เนื่องจากคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้ศึกษาสัญญาและรายละเอียดต่างๆ พบว่า โครงการนี้ กทม.มีภาระค่าใช้จ่าย 3 ส่วนคือ ค่าโครงสร้างพื้นฐาน ค่าจ้างเดินรถและระบบซ่อมบำรุง (โอแอนด์เอ็ม) ค่าติดตั้งระบบอีแอนด์เอ็ม แต่ในสัญญาข้อ 6.2 ที่บริษัทเคที จำกัด (เคที) ทำไว้กับบีทีเอสซี ระบุว่า ส่วน อีแอนด์เอ็มแยกชำระจากส่วนอื่นๆ ก่อนได้ ประกอบกับค่าจ้าง บีทีเอสซีติดตั้งระบบอีแอนด์เอ็ม เลยกำหนดชำระตามสัญญาแล้ว หากไม่ชำระส่วนนี้ก่อน อาจมีการหยุดให้บริการเดินรถ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และบีทีเอสซีอาจฟ้องร้องเพิ่มเติม

“ขั้นตอนก่อนชำระหนี้ ต้องหารือกับ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย เคที กทม.และบีทีเอสซี เพื่อทำบันทึกข้อตกลงว่าการชำระหนี้ส่วนอีแอนด์เอ็มไม่มีข้อผูกพันกับส่วนโครงสร้างและส่วน โอแอนด์เอ็ม ตามสัญญาฉบับเดิม และการชำระหนี้ส่วนนี้ไม่ใช่เป็นการจำยอมหรือสละสิทธิ์ในการต่อสู้ ส่วนโอแอนด์เอ็ม ซึ่งศาลปกครองสูงสุดกำลังพิจารณา เมื่อสอบถามไปยังสำนักการคลัง และสำนักงบประมาณ พบว่า เงินสะสมของกทม.มีอยู่ 8-9 หมื่นล้านบาท หักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วเหลือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เมื่อนำมาชำระหนี้จำนวน 2.3 หมื่นล้านบาท กทม.ยังเหลือเงินสะสมตามกฎหมายกำหนดอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท จึง ไม่กระทบต่อการบริหารจัดการของกทม.” นายนภาพลกล่าว

ส่วนขั้นตอนต่อไป ฝ่ายบริหาร กทม.ต้องยื่นข้อบัญญัติเงินสะสมจ่ายขาดต่อสภากทม.เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ส่วนนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อหยุดดอกเบี้ยวันละ 3 ล้านบาท หากชำระในเดือนม.ค.นี้

ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 19 ม.ค. 2567