กทม.สำรวจ-ตรวจแนะนำสถานบริการปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัด
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม.กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดและบังคับใช้กฎหมายกับสถานบันเทิงในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ได้รับอนุญาตให้ขยายเวลาเปิดให้บริการถึงเวลา 04.00 น. ว่า สนอ.ได้ประชุมเตรียมความพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักงานเขตที่มีสถานบริการในพื้นที่ โดยมีข้อสรุปร่วมกันบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระหว่างกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขต และสำนักอนามัยในการควบคุมกำกับดูแลสถานบริการที่จะเปิดบริการถึงเวลา 04.00 น. ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 46/2559 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พร้อมทั้งจัดประชุมชี้แจงสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบ กำกับดูแลสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ เพื่อให้สถานประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ไม่ให้ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญเสียงดังต่อผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงและปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กำหนดและบุคคลห้ามจำหน่าย ขณะเดียวกัน สนอ.อยู่ระหว่างการศึกษาและหารือกับสำนักการจราจรและขนส่งพิจารณาติดตั้งเครื่องวัดเสียงภายนอกสถานประกอบการ เพื่อเฝ้าระวังเรื่องเสียงดังจากสถานประกอบการที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง
นอกจากนี้ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้มีหนังสือสั่งการสำนักงานเขตชี้แจงให้ผู้ประกอบการทราบถึงการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ ตามที่กฎกระทรวงกำหนดและการแสดงใบอนุญาตตั้งสถานบริการ พร้อมทั้งให้สำนักงานเขตตรวจสถานประกอบการและปฏิบัติตามแนวทางตรวจสอบกำกับดูแลสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการและรายงานผลให้สำนักอนามัยทราบผ่านระบบรายงานข้อมูลสถานบริการ อีกทั้งปลัดกรุงเทพมหานครจะได้มีหนังสือกำชับให้สำนักงานเขตเข้มงวดเรื่องการตรวจสอบกำกับสถานบริการตามนโยบายขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. ให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติของกระทรวงมหาดไทยและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ในพื้นที่ย่านการท่องเที่ยว เช่น ย่าน RCA และย่านถนนข้าวสาร สำนักงานเขตได้ชี้แจงทำความเข้าใจผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและขอความร่วมมือผู้ประกอบการติดตั้งเครื่องวัดเสียง เพื่อเฝ้าระวังระดับเสียงในสถานประกอบการไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ใช้บริการและป้องกันผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง
นายสุรเดช อำนวยสาร รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม.กล่าวว่า สนท.ได้มีหนังสือสั่งการให้ทั้ง 50 สำนักงานเขตตรวจแนะนำสถานบริการให้ดำเนินการและปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 และคำสั่งฯ ที่ 46/2559 (2) เพื่อให้สถานบริการปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงให้ชี้แจงผู้ประกอบการในพื้นที่ทราบว่า การขยายเวลาเปิด-ปิดของสถานบริการตามที่กฎกระทรวงกำหนดสามารถดำเนินการได้เฉพาะสถานบริการที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น โดยสถานบริการจะต้องแสดงใบอนุญาตตั้งสถานบริการไว้บริเวณหน้าร้านที่เปิดเผยและประชาชนมองเห็นได้ง่าย รวมทั้งให้ปฏิบัติตามแนวทางตรวจสอบ กำกับดูแลสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ และรายงานผลให้ทราบผ่านระบบรายงานข้อมูลสถานบริการ
ขณะเดียวกันได้มีหนังสือสั่งการให้ทุกสำนักงานเขตตรวจแนะนำสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้น พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกสำนักงานเขตสำรวจสถานบริการที่ตั้งในพื้นที่และตรวจแนะนำสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานบริการนั้นต้องได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 อาคารที่ตั้งเป็นสถานบริการต้องได้รับอนุญาตและให้ใช้อาคาร มีทางหนีไฟ มีการป้องกันอัคคีภัย รวมทั้งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์/บุคคลที่มีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้ จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
กทม.เตรียมพร้อมทีมปฏิบัติการตอบโต้เหตุสารเคมีและวัตถุอันตรายรั่วไหลในพื้นที่กรุงเทพฯ
นายสุริยชัย รวิวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.กล่าวถึงการติดตามการเคลื่อนย้ายรถยนต์ ซึ่งบรรทุกสารเคมีและเกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการว่า สปภ.ได้ติดตามสถานการณ์เหตุรถกระบะบรรทุกสารเคมี Aluminum Phosphide (ใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูผลิตผลทางการเกษตร เช่น มอด ปลวก) บรรจุในถัง 200 ลิตร เกิดการรั่วไหลและเกิดควันบริเวณถนน ซ.พรสว่าง 7 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ อย่างใกล้ชิดและได้เตรียมความพร้อมทีมปฏิบัติการตอบโต้เหตุสารเคมีและวัตถุอันตราย รวมทั้งยานพาหนะและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้การสนับสนุนเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีพื้นที่ติดต่อกับกรุงเทพฯ ได้ทันทีเมื่อได้รับการประสาน หรือร้องขอ
สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์เกี่ยวกับสารเคมีและวัตถุอันตรายในพื้นที่กรุงเทพฯ สปภ.ได้บูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สำนักอนามัย สำนักการแพทย์ สำนักงานเขตพื้นที่ มูลนิธิ และอาสาสมัคร เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2564 – 2570 และแผนปฏิบัติการและบรรเทาภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตรายของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบเหตุเกี่ยวกับสารเคมีและวัตถุอันตราย หรือสาธารณภัยอื่น ๆ สามารถแจ้งเหตุมายังโทรศัพท์สายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เขตสาทรจัดเทศกิจกวดขันห้ามจอด-ขับขี่รถบนทางเท้าถนนจันทน์
นายชาติชาย กุละนำพล ผู้อำนวยการเขตสาทร กทม.กล่าวกรณีได้รับแจ้งมีรถจักรยานยนต์จอดบนทางเท้าบริเวณถนนจันทน์ ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจรว่า สำนักงานเขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว พร้อมดำเนินการแก้ไขและกวดขันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือไม่ให้ประชาชนนำรถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ขึ้นมาจอดบนทางเท้า ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์และว่ากล่าวตักเตือนห้ามขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า หรือจอดรถบนทางเท้า รวมกำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจกวดขันอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัดต่อไป
เขตคลองเตย-สน.ท่าเรือแก้ปัญหาผู้ค้าตั้งกีดขวางทางสัญจรทางเข้าแฟลต 11-18 ชุมชนคลองเตย
นางเบญญา อินทรวงศ์โชติ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย กทม.กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนได้รับความเดือดร้อนจากผู้ค้าตั้งวางจำหน่ายสินค้าบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อทางเข้าแฟลต 11 – 18 ชุมชนคลองเตย กีดขวางทางสัญจรว่า สำนักงานเขตคลองเตยและเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ท่าเรือ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีร้องเรียนดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ม.ค.67 เวลา 15.00 น.พบว่า บริเวณถนนดำรงลัทธพิพัฒน์เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ขณะตรวจสอบพบผู้ค้าจำนวน 2 ราย คือ ร้านขายผักผลไม้และร้านขายไก่ปิ้ง ปลาปิ้ง โดยผู้ค้าทั้ง 2 ราย นำแผงค้าตั้งบนถนนกีดขวางการจราจรจริง สำนักงานเขตฯ จึงได้แจ้งให้ผู้ค้าทั้ง 2 ราย เคลื่อนย้ายแผงค้าออกจากถนนและไปตั้งบริเวณร้านค้าที่ตนเองเช่าอยู่ ซึ่งผู้ค้าทั้ง 2 ราย รับทราบและได้ย้ายเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ จะได้ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มีผู้ฝ่าฝืนตั้งวางแผงค้ากีดขวางการสัญจรของประชาชนต่อไป