ซัดประชาพิจารณ์ผิดม.4 สงสัยเอื้อนายทุนอสังหา จี้ทบทวน-ฮึ่มดำเนินคดี
ภาคประชาชนคว่ำผังเมือง กทม.ใหม่ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์คือนายทุน
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 มกราคม ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง สภาองค์กรของผู้บริโภค มูลนิธิผู้บริโภค เครือข่ายผู้บริโภคกรุงเทพมหานคร และตัวแทนประชาชนในชุมชนต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ร่วมกันแถลงข่าว เครือข่ายภาคประชาชนคว่ำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 ) นำโดย นายโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ์ สภาผู้บริโภค, นายกรณ์ จาติกวณิช ตัวแทนภาคประชาชน, นายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี เครือข่ายชุมชนปกป้องคุณภาพชีวิตคนเมือง, นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.พรรคก้าวไกล เขตคลองเตย-วัฒนา พร้อมชาวชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากร่างผังเมือง เช่น ชาวชุมชนซอยราชครู-อารีย์สัมพันธ์, ชาวชุมชนย่านสุขสวัสดิ์ เป็นต้น
นายโสภณกล่าวว่า สภาองค์กรของผู้บริโภคพร้อมตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนและชาวชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการจัดทำร่างผังเมืองรวมฯ ในครั้งนี้ ขอคัดค้านและไม่เห็นด้วยต่อรูปแบบการจัดการในกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำร่างผังเมืองรวมฯ ที่ได้จัดทำมาทั้งหมด รวมทั้งที่มีการจัดประชุมเสนอความคิดขึ้นในวันนี้ เนื่องจากเป็นการดำเนินการไม่เป็นไปตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การผังเมือง พ.ศ.2562
นายโสภณกล่าวว่า เนื้อหาในการจัดทำร่าง ผังเมืองรวมฯ ฉบับดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการพัฒนาจนเกินสมดุล และขาดเจตนารมณ์ข้อสำคัญ คือ คุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกระดับ ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในเมืองที่ขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองมหานคร จึงขอเรียกร้องดังนี้ 1.ขอให้ทบทวนแก้ไขในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และปรึกษาหารือกับประชาชนให้รอบด้าน เพื่อการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยขอให้หยุดการดำเนินการในกระบวนการขั้นตอนต่อไป เพื่อมิให้เกิดความเสียหายทั้งต่องบประมาณในการจัดทำ และผลกระทบความเสียหายที่จะเกิดแก่ประชาชนส่วนใหญ่ อันเป็นผลจากกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง และส่งผลต่อเนื่องให้ได้มา ซึ่งเนื้อหาที่มีได้เป็นไปเพื่อการพัฒนาที่ตอบสนองต่อคุณภาพชีวิตประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง 2.ขอให้มีการรับฟังความเห็นจากประชาชนก่อนที่จะมีการจัดทำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร เพื่อรับฟังความเห็น ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และ 3.ขอให้หน่วยงานผู้จัดทำปฏิบัติตามข้อบัญญัติ ในกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองฉบับนี้ โดยต้องมีการดีความอย่างเคร่งครัด ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ทุกประการ
“หากทางคณะผู้จัดทำร่างผังเมืองรวมฯ ฉบับนี้ ยังคงดึงดันที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป โดยไม่มีการทบทวน แก้ไข ปรับปรุงในขั้นตอน กระบวนการ และเนื้อหาของการจัดทำร่างผังเมืองรวมฯ ตามที่ได้ยื่นเสนอเป็นเอกสารไปหลายครั้ง พวกเราจะดำเนินการใช้มาตรการทางกฎหมายในการติดตาม คัดค้าน การดำเนินงานของหน่วยงานและคณะผู้จัดทำร่างผังเมืองรวมฯ ฉบับนี้ต่อไป” นายโสภณกล่าว
ด้านนายกรณ์กล่าวว่า พี่น้องประชาชนอึดอัดกับกระบวนการในการจัดทำร่างผังเมืองรวมครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของผู้ร่าง วันนี้คนที่รับฟังตนเชื่อว่าได้รับความเข้าใจน้อยมาก แม้ว่าคนที่มีความรู้เรื่องผังเมืองยังเข้าใจยากในเรื่องที่มาที่ไป อีกทั้งหลายคนสะท้อนความเห็นว่าเวทีรับฟังความเห็นแต่ละครั้ง มีเวลาให้แสดงความเห็นน้อยมาก จึงควรเปิดให้ประชาชนแสดงความเห็นมากขึ้น
นายกรณ์กล่าวว่า ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน และอดีตผู้ว่าฯกทม.ที่ผ่านมา ล้วนแต่พูดว่าต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ทำไมสีผังเมืองไม่จางลงมีแต่จะเข้มขึ้น และเพิ่มพื้นที่ สีเขียว ซึ่งเป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ทำให้พวกเราคิดว่าเจตนารมณ์เพื่อผลประโยชน์ของนายทุนที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับข้อเสนอการขยายถนน 148 เส้นทาง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างอาคารสูง ในพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่แออัดอยู่แล้ว และลดพื้นที่การซับน้ำ ส่วนเรื่อง FAR Bonus เป็นความคิดที่ผิดแต่แรก ในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มความสูงของอาคาร เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก พื้นที่สีเขียว กทม.ควรกำหนดเป็นเงื่อนไขให้กับผู้ประกอบการ
“ผังเมืองที่มีการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นนายทุนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ กทม.สามารถคลายความกังวลได้ จะเพิ่มถนนก็เพิ่มไป แต่อย่าเพิ่มสิทธิในการสร้างอาคารสูงในพื้นที่ที่จะขยายถนน ถ้ากล้าทำก็ต้องเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นได้มากกว่าที่ผ่านมา” นายกรณ์กล่าว
ด้านนายก้องศักดิ์กล่าวว่า วิธีการได้มาของร่างผังเมืองรวมในครั้งนี้ไม่ได้เริ่มมาจากประชาชนอย่างแท้จริง แต่เป็นทางภาครัฐเขียนขึ้นมาเอง แล้วมาเล่าให้ประชาชนฟังและให้ยอมรับ ที่ผ่านมาประชาชนไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในเรื่องยากๆ แล้วจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร จึงอยากให้หยุดกระบวนการนี้และกลับไปเริ่มต้นสอบถามความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริงตามชุมชนใหม่อีกครั้ง ก็จะทำให้ทราบถึงความต้องการของประชาชน และนำข้อมูลเหล่านั้นที่ได้มาจัดทำผังสี ร่างผังเมืองรวมใหม่อีกครั้ง ก็จะได้ความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
ด้านนายภัณฑิลกล่าวว่า ผังเมืองเป็นกติกาการอยู่ร่วมกันของคนกรุงเทพฯ เปรียบเหมือน EIA ของเมือง กระบวนการจัดทำร่างผังเมืองรวมต้องทำให้ประชาชนเข้าใจง่าย ทำไมไม่ส่งจดหมายให้แต่ละบ้านว่าจะถูกเปลี่ยนสีผังเมือง รวมถึงบอกว่าทำอะไรในที่ดินตรงนั้นได้บ้าง
“สุดท้ายต้องมานั่งจับผิดนู้นนี่นั่น ความจริงกระบวนการต้องมาจากล่างสู่บน ไม่ใช่มีธงในใจแล้ว กะมาฟอกขาว จับพวกเรามายืนถ่ายรูปทำพิธีกรรมให้เรียบร้อยแล้วบอกว่าผ่านแล้ว” นายภัณฑิลกล่าว
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 7 ม.ค. 2567