กทม. – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่าสำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้จัดสรรงบประมาณวงเงิน 29,660,000 บาท ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ ประกอบด้วย บริษัท โปรเกรส เทคโนโลยี คอนซัลแท็นส์ จำกัด ร่วมกับบริษัท พีเอสเค คอนซัลแทนส์ จำกัด โดยมีบริษัท โปรเกรส เทคโนโลยี คอน ซัลแท็นส์ จำกัด เป็นบริษัทหลัก (Lead Firm) เป็นบริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุน และดำเนินโครงการบำบัดน้ำเสียคลองเตย พร้อมทั้งให้จัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ และเสนอแนะรูปแบบที่ เหมาะสมในการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนสำหรับการ ดำเนินโครงการบำบัดน้ำเสีย ของกทม.ที่มีความสอดคล้องตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562
นายชัชชาติกล่าวว่า ในการศึกษาดังกล่าว กทม.พิจารณา ทางเลือกการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) 3 รูปแบบ ดังนี้ 1.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน กรณีที่ 1(PPP1) โดยเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบค่าลงทุนการก่อสร้างทั้งระบบบำบัดน้ำเสียและระบบรวบรวมน้ำเสีย รวมถึงการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทั้งสองระบบ
2.เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบค่าลงทุนการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย และการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทั้งสองระบบ ขณะที่กทม.เป็นผู้รับผิดชอบ ค่าลงทุนการก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสีย และ 3.เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบค่าลงทุนการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย และการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทั้งสองระบบ ขณะที่กทม.เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้าง ทั้งระบบรวบรวมน้ำเสีย และ งานโยธาโครงสร้างของระบบบำบัดน้ำเสีย รวมถึงระบบอาคารของระบบบำบัดน้ำเสีย
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงิน กทม. มีความเห็นว่า รูปแบบ PPP Gross Cost เป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด โดยกทม.เสนอรูปแบบการจัดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของโครงการร่วมทุน เป็นรูปแบบ ก่อสร้าง-โอน-ดำเนินงาน (Build-Transfer- Operate : BTO) ซึ่งเอกชนจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของโครงการให้แก่กทม.ทันทีเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ก่อนเริ่มให้บริการมาตรการสนับสนุนโครงการร่วมลงทุน สามารถขอรับสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอหลักการของโครงการร่วมลงทุน และรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้ผู้ว่าฯกทม.ลงนาม เพื่อเสนอรมว.มหาดไทยให้ความเห็นชอบ
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 25 ธ.ค. 2566
