
(20 ธ.ค. 66) เวลา 10.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ห้องเรียนปลอดฝุ่น ระดับดีเลิศ ห้องเรียนสู้ฝุ่น สสส. ณ โรงเรียนวัดวิมุตยาราม เขตบางพลัด
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องสำคัญ โดยแบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ การสู้ฝุ่นและการลดฝุ่น การลดฝุ่นต้องลดที่แหล่งกำเนิดฝุ่น คือ รถยนต์ ซึ่งการดำเนินการอาจจะไม่ได้ผลเนื่องจากช่วงนี้อากาศปิดทำให้ค่าฝุ่นยังสูงอยู่ จึงต้องหันมาดูแลเรื่องของสุขภาพกลุ่มเปราะบางก็คือเด็กในโรงเรียน ซึ่งหากเด็กรับฝุ่นเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ฝุ่นอยู่ในร่างกายนานกว่าผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเนื่องจากอายุยังน้อย จึงเป็นที่มาของการสร้างห้องเรียนปลอดฝุ่นเพื่อให้เด็กตระหนักรู้ถึงที่มาและอันตรายของฝุ่น PM2.5 รวมถึงวิธีป้องกัน นอกจากนี้เรายังให้ความรู้แก่คุณครู ผู้ปกครอง และชุมชน ซึ่งผลที่ได้คือทุกคนจะสามารถต่อสู้และรับมือกับฝุ่น PM2.5 ได้ดีขึ้น
กทม. ร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมอนามัย จัดห้องเรียนปลอดฝุ่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันเด็กกลุ่มเปราะบางคือเด็กชั้นอนุบาล ที่อาจจะยังใส่หน้ากากอนามัยไม่ได้ และยังซุกซนอยู่ ห้องปลอดฝุ่นจึงสามารถป้องกันเด็กเหล่านี้ได้ โดยห้องปลอดฝุ่นดังกล่าวในวันนี้ได้รับรางวัลระดับดีเลิศจากสสส. เนื่องจากสามารถกรองฝุ่นเหลือค่าเพียงกว่า 10 มคก./ลบ.ม. เท่านั้น เมื่อเทียบกับภายนอกห้องที่มีค่ากว่า 30 มคก./ลบ.ม. ซึ่งกทม.จะเร่งขยายผลห้องปลอดฝุ่นให้ครบทุกโรงเรียนต่อไป
สำหรับผู้ปกครองบางท่านที่เป็นห่วงว่าทำไมค่าฝุ่นหนาแน่นในกรุงเทพฯ แล้วไม่ให้เด็กหยุดอยู่บ้าน ก็ต้องขอเรียนให้ทราบว่าเด็กบางคนที่บ้านไม่มีห้องปรับอากาศ ทำให้เด็กในชุมชนบางคนก็ยังต้องออกมาวิ่งเล่นด้านนอกบ้าน รวมถึงเด็กบางคนผู้ปกครองก็ไม่สามารถอยู่บ้านดูแลบุตรหลานได้เนื่องจากต้องไปทำงาน การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียนและอยู่ในการดูแลของคุณครูจึงอาจทำให้เด็กมีความปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 มากกว่าอยู่บ้าน ดังนั้นการพิจารณาปิดโรงเรียนจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบครบทุกด้านเพื่อไม่ให้เป็นการผลักภาระให้ผู้ปกครอง
“หากเราได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และมีความเข้าใจในปัญหาของเมือง เราจะสามารถรับมือและแก้ปัญหาของเมืองได้ดีขึ้น วันนี้คือตัวอย่างที่ดีที่ สสส.และกรมอนามัย ร่วมมือกับกทม. ในการสร้างห้องเรียนปลอดฝุ่นแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้กับเด็กกลุ่มเปราะบาง โดยกทม.จะนำไปเป็นต้นแบบและขยายผลไปสู่ทุกโรงเรียนต่อไป” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ในปัจจุบันกทม.มีห้องเรียนสำหรับเด็กอนุบาล 1,743 ห้อง กทม.เร่งดำเนินการห้องเรียนปลอดฝุ่นแล้ว 758 ห้อง รวมแล้วกทม.ดำเนินการสำเร็จกว่า 46% และตั้งเป้าหมายให้มีห้องปลอดฝุ่นครบทั้ง 437 โรงเรียนในสังกัดกทม. โดยผลักดันให้ห้องดังกล่าวมีเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศในรูปแบบห้องปลอดฝุ่น (Cleaner air shelter) ตามคำแนะนำของกรมอนามัยที่สามารถ “กั้น” ฝุ่นข้างนอกไม่ให้เข้ามาในห้องโดยการอุดรอยรั่วของห้อง “กรอง” ฝุ่นในห้องโดยใช้เครื่องกรองอากาศ “ดัน” ฝุ่นออกไปจากห้องโดยการนำอากาศจากข้างนอกห้องที่กรองแล้วเข้ามาในห้อง
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือการเผยแพร่ความรู้และนำหลักสูตรเรื่องฝุ่น PM2.5 และหลักสูตรเรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ อาทิ น้ำท่วม ไฟไหม้ การดูแลต้นไม้ การลดและคัดแยกขยะ นำมาใส่ในหลักสูตรวิชาหลักให้เด็กได้เรียนเพื่อเป็นการปลูกฝังความรู้ ให้เด็กเกิดความตระหนักรู้ และส่งต่อความรู้ไปสู่ครอบครัวและชุมชน
การตรวจเยี่ยมห้องเรียนปลอดฝุ่นในวันนี้มีนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. นางสาวนัยนา ใช้เทียมวงศ์ ผู้อำนวยการกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอนามัย พันตำรวจเอกภิญโญ ป้อมสถิตย์ ส.ก.เขตบางพลัด ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรมอนามัย ผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้บริหารเขตบางพลัด ผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนวัดวิมุตยาราม ร่วมตรวจเยี่ยมและรายงานข้อมูล
#สิ่งแวดล้อมดี #ห้องเรียนปลอดฝุ่น
—————-