กทม.เน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคลป้องกันโรคโควิด 19-โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม.กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ว่า สถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงปลายปี เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว โดยจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด 19 เดือน พ.ย.66 มีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากรายงานเฝ้าระวังโรค มีผู้ป่วยสะสม 19,762 คน (เฉลี่ยจำนวนผู้ป่วย/วัน จำนวน 658 ราย) มากกว่าเดือนที่ผ่านมาทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) (เฉลี่ยจำนวนผู้ป่วยใน/วัน จำนวน 68 ราย) ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง (สีเขียว) มีผู้เสียชีวิตในกรุงเทพฯ จำนวน 2 ราย ขณะที่โรคทางระบบหายใจอื่น ๆ เช่น เชื้อไวรัส RSV เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เริ่มลดลง
ทั้งนี้ กทม.ได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคลที่เป็นปัจจัยหลักในการป้องกัน ได้แก่ การล้างมือบ่อย ๆ และการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องทุกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีอาการป่วยโรคทางเดินหายใจ อยู่ใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง 608 และเด็กเล็ก และเมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี และในสถานพยาบาล เพื่อลดการแพร่เชื้อและการรับเชื้อโรคไวรัสทางเดินหายใจทุกชนิดขณะอยู่ในพื้นที่ หรือกิจกรรมเสี่ยง นอกจากนั้น ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.ยังได้เตรียมความพร้อมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข วัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น รวมถึงระบบการรับส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสทุกชนิด
กทม.กวดขันจับปรับขับขี่-จอดรถจักรยานยนต์บนทางเท้าหน้าอุทยานเบญจสิริ
นางเบญญา อินทรวงศ์โชติ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย กทม. กล่าวกรณีสื่อออนไลน์โพสต์ภาพและข้อความระบุมีรถจักรยานยนต์จอดบนทางเท้าบริเวณหน้าสวนเบญจสิริ ถนนสุขุมวิทจำนวนมากหลังมีห้างฯ เปิดใหม่ย่านพร้อมพงษ์ว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวทราบว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.66 มีพิธีเปิดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่บริเวณดังกล่าว โดยมีประชาชนจำนวนมากมาเข้าชมห้างฯ ทำให้ที่จอดรถจักรยานยนต์ของห้างฯ ไม่เพียงพอ และประชาชนบางส่วนไม่ทราบจุดจอดรถจักรยานยนต์ของห้างฯ ประกอบกับเพื่อความสะดวกของตนเอง จึงได้นำรถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณทางเท้าหน้าอุทยานเบญจสิริ อย่างไรก็ตาม เมื่อสำนักงานเขตฯ ได้รับทราบปัญหาดังกล่าว จึงได้นำแผงเหล็ก พร้อมตั้งวางกรวยยางตลอดแนว ขณะเดียวกันได้ติดป้ายประชาสัมพันธ์ห้ามจอด หรือขับขี่บนทางเท้า และจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจกวดขันบริเวณดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ได้ประสานห้างฯ ให้จัดพนักงานรับผิดชอบการจราจร เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มาใช้บริการทราบถึงบริเวณที่กำหนดให้จอดรถจักรยานยนต์ และประสานพนักงานรักษาความปลอดภัยของอุทยานเบญจสิริเข้มงวดกวดขันผู้มาใช้บริการให้นำรถจักรยานยนต์ไปจอดในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น จากนั้นได้ติดตามตรวจสอบบริเวณหน้าอุทยานเบญจสิริ ไม่พบผู้ฝ่าฝืนจอดรถจักรยานยนต์บนทางเท้าแล้ว ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ มีจุดติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ตรวจสอบผู้ฝ่าฝืนขับขี่ หรือจอดรถบนทางเท้าบริเวณช่วงระหว่างซอยสุขุมวิท 24 – สุขุมวิท 26 หากพบผู้ฝ่าฝืนขับขี่ หรือจอดรถบนทางเท้าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม.กล่าวว่า สนท.ได้ประสานสำนักงานเขตคลองเตยเพิ่มความเข้มงวดกวดขันจับ-ปรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จอด หรือขับขี่บนทางเท้าบริเวณหน้าอุทยานเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท โดยให้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตั้งจุดจับ-ปรับรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ จอด หรือขับขี่บนทางเท้าในบริเวณพื้นที่ หากตรวจพบผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดให้จับกุมและดำเนินคดีทันที รวมทั้งประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำเสากั้นรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้า และพิจารณาติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) พร้อมระบบ AI ตรวจจับผู้กระทำผิดบริเวณดังกล่าว ขณะเดียวกัน สนท.ได้ดำเนินโครงการกวดขันรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอด หรือขับขี่บนทางเท้า เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้ทางเท้า โดยให้สำนักงานเขตบังคับใช้กฎหมาย ห้ามมิให้รถจอด หรือขับขี่บนทางเท้าโดยเด็ดขาด อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 17 (2) แห่งพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 และให้เจ้าหน้าที่เทศกิจออกตรวจตรา กวดขัน เฝ้าระวังไม่ให้มีการกระทำผิด และตั้งโต๊ะจับ-ปรับรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ จอด หรือขับขี่บนทางเท้าในบริเวณพื้นที่ที่มีผู้ฝ่าฝืนจำนวนมาก หรือในจุดซึ่งประชาชนร้องเรียนเป็นประจำ โดยให้พิจารณาดำเนินการในช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งที่ผ่านมาระหว่างเดือน ก.ค.61 – 8 ธ.ค.66 สามารถกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวน 55,553 ราย เปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน 62,257,700 บาท
เขตบางซื่อแจงตัดต้นไม้ริมถนนประชาชื่น ซอย 22 ตามหลักรุกขกรรม ป้องกันความเสียหายทั้งต้นไม้-สายไฟฟ้า
นายเจษฎา ประภาสะวัต ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ กทม. กล่าวกรณีสื่อออนไลน์โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุต้นไม้ริมถนนประชาชื่น ซอย 22 ถูกตัดกิ่งก้านออกจนบางต้นเหลือแต่ลำต้นว่า จากการตรวจสอบการตัดต้นไม้ใหญ่บริเวณดังกล่าว เป็นการตัดแต่งต้นไม้ตามแนวสาธารณูปโภค หรือสายไฟฟ้า ซึ่งจำเป็นต้องตัดแต่งตามหลักรุกขกรรม เพื่อป้องกันความเสียหายทั้งต้นไม้และสายไฟฟ้า เนื่องจากต้นไม้ไม่ได้อยู่ใต้สายไฟฟ้าที่จะจัดทรงพุ่มเป็น V- Shape ได้ จึงต้องตัดตามหลักรุกขกรรมแบบ Side – Pruning เพื่อควบคุมกำหนดทิศทางกิ่งไม้ไม่ให้กิ่งแตกใหม่ไปแตะ หรือใกล้สายไฟฟ้าในระยะปลอดภัยตามที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แจ้งไว้ แต่ได้หลีกเลี่ยงไม่ตัดยอดกุด คงเหลือพุ่มใบไว้หาอาหารเลี้ยงลำต้น อย่างไรก็ตาม ต้นประดู่บางต้นอยู่ใกล้สายไฟฟ้าและบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งบางส่วนมีกิ่งห้อยลงบดบังป้ายจราจรและวิสัยการมองเห็นสภาพการจราจร ซึ่งกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้สัญจร อาทิ บังกระจกหน้ารถที่มีความสูง เช่น รถโดยสารประจำทาง ซึ่งมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบนถนน จึงจำเป็นต้องตัดแต่งกิ่งที่ยื่นล้ำ พร้อมทั้งตัดกิ่งผุ กิ่งแห้ง และสางโปร่งลดน้ำหนักพุ่มใบให้สมดุลกับทรงพุ่มและลำต้น
ทั้งนี้ การตัดแต่งต้นไม้ของสำนักงานเขตฯ มีการควบคุมงานโดยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมการตัดแต่งต้นไม้ตามหลักวิชาการและหลักรุกขกรรมทุกครั้ง เพื่อการตัดแต่งและการเจริญเติบโตของต้นไม้ตามธรรมชาติ ไม่ทำร้ายต้นไม้ และป้องกันอันตรายจากต้นไม้ที่จะเกิดขึ้นกับสาธารณะควบคู่ไปด้วย