นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงการเปิดรับอาสาสมัครเทคโนโลยี(อสท.)ว่า เป็นนโยบายหาเด็กรุ่นใหม่ที่เก่งเทคโนโลยีเข้าไปสอนในชุมชน ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกและมีค่าตอบแทนให้ โดยจะให้ทำหน้าที่สอนเทคโนโลยีแก่คนในชุมชน คล้ายกับอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) โดยอสท.จะเป็นทีมงานจัดเก็บข้อมูลชุมชน และช่วยคนในชุมชนให้เข้าถึงโลกออนไลน์ง่ายขึ้น เพื่อให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงสิทธิต่างๆของรัฐ ขยายโอกาสทางธุรกิจ และสามารถต่อยอดความรู้ ถือเป็นการเสริมสร้างเส้นเลือดฝอยที่แข็งแรงด้วยเทคโนโลยี
สำหรับคุณสมบัติ อสท. ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในชุมชนที่จัดตั้งตามระเบียบ กทม. ไม่เป็นข้าราชการ หรือพนักงานของรัฐ มีวุฒิการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นไป มีความสนใจและมีทักษะการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน และในการทำงาน เช่น ใช้โซเชียลมีเดียเสิร์ชหาข้อมูล ปักหมุดสถานที่ ฯลฯ และมีอุปกรณ์สำหรับการทำงาน เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊ก พร้อมอินเทอร์เน็ต
ผู้ว่าฯ กทม. ระบุถึงภารกิจ อสท.คือจัดเก็บและอัพเดทฐานข้อมูลชุมชน ช่วยเหลือให้คนในชุมชนเข้าถึงบริการด้านเทคโนโลยี เชื่อมโยงชุมชน และสินค้าชุมชนบนระบบออนไลน์ รวมถึงสนับสนุนชุมชนเท่าทันเทคโนโลยี อสท.จะทำงาน 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์(ช่วงเวลาใดก็ได้) และเป็นผู้ที่สามารถลงพื้นที่ทำงานและส่งงานผ่านระบบออนไลน์ โดยผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตใกล้บ้าน
ทั้งนี้ การเปิดรับสมัครคัดเลือกบุคคลภายนอกแต่งตั้งเป็นอาสาสมัครพัฒนาชุมชน(ด้านเทคโนโลยี) ภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคมอาศัยอำนาจแห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การจ่ายค่าตอบแทนแก่บุคคลภายนอก ที่ช่วยปฏิบัติราชการ พ.ศ 2536 และระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยค่าตอบแทนแก่บุคคลภายนอกที่ช่วยปฏิบัติราชการด้านการพัฒนาชุมชน พ.ศ. 2538 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2555 และฉบับที่ 3 พ.ศ. 2564
โดยให้แต่ละสำนักงานเขตประกาศรับสมัครและดำเนินการสอบคัดเลือกผู้ที่จะ มาเป็น อสท. ชุมชนละ 1 อัตรา ซึ่งปัจจุบันกทม.มีชุมชนที่ถูกจัดตั้งตามระเบียบ จำนวน 2,016 ชุมชน.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 14 ธ.ค. 2565
