Search
Close this search box.
กทม.ชี้แจงข่าวร้องเรียน ประจำวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2566

กทม.เฝ้าระวังการแพร่ระบาดโรคปอดอักเสบ-โรคระบบทางเดินหายใจ เชิญชวนฉีดวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 

นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม.กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบ รวมทั้งเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลสังกัด กทม.รองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจว่า สนพ.ได้จัดทีมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบในเด็กที่ประเทศจีนอย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบในพื้นที่กรุงเทพฯ ในปี 2566 และเตรียมสรุปข้อมูลสถานการณ์รายงานผู้บริหารหากมีกรณีต้องสงสัยในโรคระบาดทุกวัน โดยเน้นย้ำให้โรงพยาบาล (รพ.) ในสังกัดดำเนินการตามแนวทางเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์สามารถป้องกันการติดเชื้อ หรือป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและเกิดปัญหาทางสุขภาพได้ง่าย

ขณะเดียวกันได้รณรงค์ส่งเสริมความรู้ให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และประชาชนกลุ่มเสี่ยง พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจย้ำเตือนประชาชนระมัดระวังดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัยและครบ 5 หมู่ สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ดื่มน้ำมาก ๆ ล้างมือให้สะอาด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี และสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ รวมถึงเชิญชวนประชาชนฉีดวัคซีนโควิด 19 และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่สามารถฉีดพร้อมกันได้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงและความเสี่ยงการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรค โดยควรรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง ติดต่อได้ที่หน่วยบริการ   หรือสถานพยาบาลที่รับบริการเป็นประจำ หรือหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ “กระเป๋าสุขภาพ” แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และจองสิทธิการฉีดวัคซีนฯ ล่วงหน้าใน รพ.สังกัด กทม.ผ่านแอปพลิเคชัน “QueQ” หรือผ่าน “กระเป๋าสุขภาพ” แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ แต่ไม่สะดวกจองผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”สามารถ โทร.สายด่วน สปสช.1330 กด 8 เพื่อจองคิวฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ทั้งนี้ การจองนัดหมายเข้ารับบริการขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละหน่วยบริการ หากไม่สามารถทำนัดหมายได้ กรุณาติดต่อสอบถามการเข้ารับบริการกับหน่วยบริการโดยตรง

นอกจากนั้น ยังได้เตรียมพร้อมระบบเฝ้าระวัง ติดตาม ประเมินสถานการณ์ และควบคุมการแพร่ระบาดโรคระบบทางเดินหายใจ อาทิ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อไวรัส RSV โรคโควิด 19 โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ รวมถึงวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางการรักษาของโรค จัดการสำรองยาให้เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย จัดเตรียมวัคซีนป้องกันควบคุมโรคตามฤดูกาล ได้แก่ โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัส RSV ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะการรักษาตามอาการ เนื่องจากไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะ ทั้งกินและฉีด ไม่มีวัคซีน การรักษาคือ พ่นยา ดูดเสมหะ ให้ออกซิเจน ให้สารน้ำยาลดไข้ ซึ่งได้เตรียมเวชภัณฑ์สำหรับการป้องกันและรักษาโรค ตั้งจุดคัดกรองด้านหน้าทางเข้า รพ.ตรวจวัดอุณหภูมิ เจลล้างมือให้กับประชาชนที่มารับบริการที่ รพ.รวมถึงกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคภายในศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่คู่นมแม่ของ รพ.ในสังกัดทุกแห่ง กำหนดมาตรการการรักษาและวินิจฉัยโรค พร้อมจัดทำแนวทางการดำเนินงานควบคุมและรักษาโรคไวรัส RSV เพื่อป้องกันการระบาดของโรคดังกล่าวภายในศูนย์เด็กเล็กฯ ตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิเด็กทุกคนก่อนเข้ามาภายในศูนย์เด็กเล็กฯ หากพบจะแจ้งผู้ปกครองพาพบแพทย์ตรวจรักษาต่อไป หรือหากเด็กภายในศูนย์เด็กเล็กฯ มีอาการป่วยด้วยโรคติดต่อเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคภายในบริเวณศูนย์เด็กเล็กฯ ทันที ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพผ่านเว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก : สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร พบแพทย์ผ่านแอปพลิเคชัน “หมอ กทม.” หรือปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร.1646 สายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ กทม.ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

กทม.เตรียมพร้อมมาตรการดูแลความปลอดภัยรองรับการเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น.

นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมมาตรการดูแลความปลอดภัยและจัดระเบียบสถานบริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ในส่วนที่ กทม.ดูแลรับผิดชอบ เพื่อรองรับการขยายเวลาเปิดให้บริการถึงเวลา 04.00 น.ว่า สปภ.พร้อมบูรณาการประสานความร่วมมือกับสำนักการโยธา กทม.และสำนักงานเขตพื้นที่ทุกแห่ง เพื่อกำหนดมาตรการเชิงรุกการตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัยภายในอาคาร หรือส่วนใดของอาคารที่ใช้ประกอบกิจการเป็นสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดประเภทและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ เพื่อประกอบกิจการเป็นสถานบริการ พ.ศ.2555 อาทิ การติดตั้งแผนผังในตัวอาคาร ระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรอง ระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ระบบดับเพลิง ระบบเก็บน้ำสำรอง ป้ายบอกทางหนีไฟ ทางหนีไฟ บันไดหนีไฟ และการกำหนดจำนวนผู้เข้าใช้บริการในสถานบันเทิง รวมทั้งมาตรการดำเนินการกับเจ้าของอาคาร/สถานประกอบการ/สถานบันเทิงที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและระบบป้องกันอัคคีภัยในอาคารแต่ละประเภทตามที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงกรณีประชาชนประสบเหตุเพลิงไหม้ หรือเหตุสาธารณภัยสามารถขอความช่วยเหลือทางสายด่วน 199 หรือ 1555 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายสุนทร สุนทรชาติ  ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม.กล่าวว่า สนอ.ได้ประชุมหารือเตรียมความพร้อมร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง สำนักงานเขตบางรัก สำนักงานเขตห้วยขวาง สำนักงานเขตดินแดง สำนักงานเขตพระนคร และสำนักงานเขตวัฒนา โดยมี พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม เพื่อวางแนวทาง การป้องกันเหตุเดือดร้อนรำคาญ ป้องกันอุบัติเหตุ ป้องกันอัคคีภัย และการละเมิดกฎหมายการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยให้ประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงานเขตและสถานีตำรวจนครบาลกำกับดูแลให้สถานบริการปฏิบัติตามกฎหมายและดูแลความปลอดภัยของประชาชนระหว่างเปิดบริการถึงปิดบริการ ขณะเดียวกัน สนอ.ได้รับมอบหมายจากปลัดกรุงเทพมหานครให้ร่วมประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายขยายเวลาเปิดสถานบริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) บช.น. กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในที่ประชุมมีแนวทางเตรียมการรองรับการขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. โดยร่วมมือระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. บช.น. สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกระทรวงมหาดไทย บูรณาการตรวจพื้นที่ตามอำนาจของหน่วยงาน ซึ่งจะได้ชี้แจงสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการให้เข้าใจอย่างถูกต้องต่อไป

นอกจากนั้น ยังได้ร่วมหารือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจให้กับเจ้าของสถานบริการก่อนเปิดให้บริการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะได้ชี้แจงไปยังผู้ประกอบการและประชาชนให้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติต่อไป

 

 

กทม.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีครูประจำชั้นมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กำชับผู้บริหาร รร.ดูแลความปลอดภัยนักเรียน   

นางสาวศุภร คุ้มวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม.กล่าวกรณีผู้ปกครองเข้าแจ้งความร้องทุกข์ บุตรสาวซึ่งเป็นนักเรียนถูกครูประจำชั้น มีพฤติกรรมกระทำอนาจารและข่มขู่ว่า กรณีดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขต ทำให้อำนาจในการบังคับบัญชา รวมถึงการสืบสวนข้อเท็จจริงและการดำเนินการทางวินัยเป็นของผู้อำนวยการเขต ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ประกอบพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2554 และกฎ ก.ก.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2565  ซึ่ง สนศ.ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานเขตลาดกระบังตรวจสอบข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ และเกิดความเป็นธรรมแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย รวมทั้งให้คุ้มครองพยานและบุคคลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับการร้องเรียน นอกจากนั้น ยังได้ส่งรายชื่อผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ถูกลงโทษ พร้อมเอกสารหลักฐานทางวินัย เพื่อให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาดำเนินการทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 และข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง

ขณะเดียวกัน สนศ.ได้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในสังกัด กทม.โดยประสานสำนักงานเขตกำชับผู้บริหารโรงเรียนและครูในสังกัดให้ปฏิบัติตามแนวทางควบคุมการใช้สื่อโซเซียลระหว่างข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากับเด็กนักเรียน พร้อมทั้งได้ประชุมผู้บริหาร สนศ.และหัวหน้าฝ่ายการศึกษา สำนักงานเขต โดยให้แต่ละสำนักงานเขตเน้นย้ำผู้บริหารโรงเรียน ตลอดจนข้าราชการครูในสังกัดกวดขัน สอดส่อง ดูแลความปลอดภัยของเด็กนักเรียนทั้งในและนอกโรงเรียนอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้เสนอแนวทางการควบคุมดูแลความปลอดภัยของนักเรียนโรงเรียนในสังกัด กทม.เพื่อให้ปลัดกรุงเทพมหานครพิจารณาสั่งการต่อไป
 

เขตจตุจักรเปลี่ยนฝาบ่อพักท่อระบายน้ำชำรุด ป้องกันเหตุอันตรายต่อประชาชน

นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กทม.กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนฝาท่อระบายน้ำในพื้นที่เขตจตุจักรทรุดตัวหลายจุดว่า สำนักงานเขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบฝาบ่อพักท่อระบายน้ำภายในซอยรัชดาภิเษก 46/1 เชื่อมซอยพหลโยธิน 35 แยก 3 พร้อมทั้งเปลี่ยนฝาบ่อพักท่อระบายน้ำที่ชำรุดและเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อผู้ที่สัญจรผ่านไปมาในบริเวณดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันสำนักงานเขตฯ ได้สำรวจและประมาณราคาผิวจราจร ฝาบ่อพักท่อระบายน้ำ และรางวี รวมถึงไหล่ทางที่มีสภาพชำรุด ตลอดทั้งซอยรัชดาภิเษก 46/1 เชื่อมซอยพหลโยธิน 35 แยก 3 เพื่อขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ซึ่งเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณฯ สำนักงานเขตฯ จะดำเนินการปรับปรุงซอยดังกล่าวต่อไป

 

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200