เครือข่ายปชช.สะกิดผู้ว่าฯค้านปิดตี4ห่วงเสพยา-เมาขับพุ่ง
จากกรณีเครือข่ายชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง ร่วมกับเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เครือข่ายผู้ได้รับผล กระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาคีป้องกันและลดผล กระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายองค์กรงดเหล้า ยื่นหนังสือแสดงจุดยืนคัดค้านนโยบายขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. ในพื้นที่กทม.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ระบุ ภาคีเครือข่ายภาคประชาชนแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเปิดผับบาร์ถึงตี 4 แบ่งเป็น 2 ประเด็นหลักคือ ไม่เห็นด้วยว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมองปัญหาเรื่องยาเสพติด การเมาแล้วขับ และอาจมีเด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิงเหล่านี้ จนส่งผลกระทบกับชุมชน รวมถึงการนั่งดื่มเกินเวลา การขายแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่เมาหมดสภาพแล้ว
เบื้องต้น กทม.รับข้อเสนอนี้โดยประเด็นกระตุ้นเศรษฐกิจจะนำไปหารือและสะท้อนข้อห่วงใยของประชาชนกับมหาดไทย เพื่อประเมินผลให้รอบคอบ ส่วนประเด็นที่เหลือจะดำเนินการควบคู่ไปได้เลย ไม่ต้องรอเพราะอาจมีความรุนแรงขึ้นไม่ว่าจะยาเสพติด กระท่อม กัญชาทั้งในและนอกสถานบริการ ไปจนถึงการดื่มเกินเวลาและเมาขับ โดยจะร่วมมือกับเครือข่าย
“เรื่องยาเสพติดจะร่วมกับชุมชนที่มาในครั้งนี้ และได้รับผลกระทบจากยาเสพติด และนำผลที่ได้ไปขยายต่อในชุมชนอื่น ขอบคุณเครือข่ายถือเป็นการรับฟังความเห็นในอีกแง่มุมที่ได้รับผลกระทบแท้จริง จะนำข้อมูลเสนอไปหารือมหาดไทยเพื่อหาข้อสรุปต่อไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือคัดค้านที่ยื่นต่อผู้ว่าฯ กทม. ประกอบด้วย 1.แสดงความผิดหวังและเสียใจกับจุดยืนของผู้ว่าฯ กทม. ที่สนับสนุนการขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึง 04.00 น. พร้อมคัดค้านการขยายเวลาในพื้นที่ กทม. เพราะเสี่ยงเพิ่มอุบัติเหตุ ทะเลาะวิวาท คุกคามทางเพศ ปัญหาสุขภาพ กระทบกับการใช้ชีวิตของคนทำมาหากินในช่วงเวลาดังกล่าว
2.กทม.ไม่ควรใช้การท่องเที่ยวผับบาร์กินดื่มมาเป็นจุดขาย แต่ควรมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทุกกลุ่ม และ 3.ขอให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด จริงจัง กับสถานบริการและสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการทุกแห่งที่ทำผิดกฎหมาย มียาเสพติด ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็ก และให้เด็กเข้าใช้บริการ พบการพนัน ค้ามนุษย์ หรือเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ เสนอให้โดยนำคำสั่ง คสช.22/2558 มาบังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อสั่งปิดเป็นเวลา 5 ปี หากอยู่นอกเขตโซนนิ่ง หรือปิดถาวร หากอยู่ในเขตโซนนิ่งใกล้สถานศึกษา และขอให้มีการเปิดพื้นที่รับแจ้งเหตุเป็นการเฉพาะด้วย.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 24 พ.ย. 2566