มติชน-เดลินิวส์ให้สแกน ตอบ2ข้อได้ถึง31ตุลาฯนี้ บก.ลายจุดจี้รบ.แก้ปัญหา
‘รองผู้ว่าฯกทม.-บก.ลายจุด’ชวนร่วมโหวตโพล มติชน-เดลินิวส์ 3 วันสุดท้าย ให้คะแนน 2 เดือนส่งสัญญาณรัฐบาล นายก อบจ.แม่กลองแนะฟื้นโอท็อป-แก้ปากท้อง-ยกระดับราคาผลผลิตเกษตร อดีต ปธ.หอการค้าโคราชอยากเห็นแก้หนี้ครัวเรือน- สานต่อไฮสปีดเทรน
โหวตโพลมติชน-เดลินิวส์คึก
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คึกคักต่อเนื่องสำหรับการโหวตโพลมติชนx เดลินิวส์ : รัฐบาลเศรษฐาควรแก้ปัญหาอะไร เริ่มเปิดโหวตเมื่อวันที่ 1-31 ตุลาคม ซึ่งเหลือเวลาโค้งสุดท้ายอีกเพียง 3 วันเท่านั้น โดยกองบรรณาธิการในเครือมติชนและเดลินิวส์ ได้ประมวลชุดคำถาม รัฐบาลเศรษฐาควร แก้ปัญหาอะไร? แล้วนำมาเปิดให้ประชาชนโหวต ผ่านทางคิวอาร์โค้ดที่อยู่ในสื่อทั้ง 2 เครือทั้งหนังสือพิมพ์ 4 เว็บไซต์, เฟซบุ๊ก, เอ็กซ์ (ทวิตเตอร์), ยูทูบ, อินสตาแกรม และติ๊กต็อก
สำหรับคำถามมี 2 หัวข้อใหญ่ คือ 1.เร่งแก้ปัญหาการเมือง-ปฏิรูปโครงสร้างสังคม ประกอบด้วย 1.1 แก้รัฐธรรมนูญ, 1.2 ปฏิรูปกองทัพ, 1.3 กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น, 1.4 ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม, 1.5 รัฐสวัสดิการ และ 1.6 ปัญหาอื่นๆ และ 2.เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง ประกอบด้วย 2.1 แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท, 2.2 แก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน-หนี้สาธารณะ, 2.3 แก้ปัญหาการเกษตร, 2.4 เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนปริญญาตรี, 2.5 ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าน้ำมัน และ 2.6 ปัญหาอื่นๆ ทั้งนี้หลังจากประชาชนโหวตโพลจนครบกำหนดถึงวันที่ 31 ตุลาคมแล้ว จะมีกิจกรรมเจาะลึกเรื่องโพลของมติชน-เดลินิวส์ ในเดือนพฤศจิกายน โดยเชิญนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญการเมืองมาร่วมวิเคราะห์ผลด้วย
นายกอบจ.หนุนฟื้นฟูโอท็อป
ที่ จ.สมุทรสงคราม น.ส.กาญจน์สุดา ปานะสุทธะ นายก อบจ.สมุทรสงคราม กล่าวถึงโพล มติชนxเดลินิวส์ : รัฐบาลเศรษฐาควรแก้ปัญหาอะไร? ว่าการร่วมมือของ 2 สื่อยักษ์ใหญ่ เป็นสิ่งที่ดีที่จะสะท้อนความคิดเห็นปากเสียงของประชาชนไปยังรัฐบาลว่าต้องการอะไรกันแน่ เพราะนายกฯเศรษฐา ทวีสิน มาจากนักธุรกิจ ไม่ใช่นักธุรกิจที่คลุกคลีกับประชาชนมากนัก อาจจะไม่เข้าใจความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โพลนี้จะเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชนไปยังรัฐบาลเศรษฐา อย่างไรก็ตามต้องยอมรับที่ผ่านมาประเทศไทยเราบอบช้ำกับปัญหาเศรษฐกิจปากท้องมาตลอดหลายสิบปี ตั้งแต่รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ มารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เจอปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ระบบเศรษฐกิจหยุดชะงักทั่วโลก มาปัจจุบันก็เจอปัญหาสงครามในต่างประเทศอีก ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาควรแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นอันดับแรก เพราะจะทำให้ประชาชนชาวไทยลืมตาอ้าปากมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง แต่หากเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของประชาชนดี การเมืองก็จะดีตามคุณภาพชีวิตของประชาชน
น.ส.กาญจน์สุดากล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่านโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอท็อป (OTOP) ในอดีตทำให้ประชาชน รากหญ้าลืมตาอ้าปากได้ ชาวบ้านก็ยังจดจำในสิ่งนี้ แต่ปัจจุบันโอท็อปซบเซาไปมาก เงินอุดหนุนก็ไม่มี จึงอยากฝากไปยังรัฐบาล ขอให้ฟื้นฟูและส่งเสริมโอท็อปให้เด่นดังกลับมา เพิ่มงบประมาณช่วยเหลือชาวบ้านทำสินค้าของดี ซึ่งเป็นซอฟต์เพาเวอร์ในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่ปัจจุบันงบประมาณหมดแล้ว ไม่มีการส่งเสริมพลังของสตรี ซึ่งเหมือนว่าไฟมอดหมดแล้ว จึงขอฝากให้ส่งเสริมฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้การท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้ใหญ่สุดของชุมชน ของประเทศ ขอให้รัฐบาลส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวลงมาถึงรากหญ้า, จังหวัด, ตำบล, หมู่บ้าน เพื่อให้ตื่นตัวกระตุ้นทั้งประเทศ ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น
ยกระดับราคาผลผลิตเกษตร
“อย่างไรก็ตามปัญหาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคามะพร้าวที่ลดลงทำให้เกษตรกรต้องขาดทุน ส่งผลต่อรายได้ ของประชาชน จึงควรหามาตรการยกระดับราคาผลผลิตทางการเกษตรให้ดีขึ้น ขณะที่ปัญหาสุขภาพของประชาชนก็จำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข ดังนั้นควรพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ให้ดียิ่งขึ้น ส่วนปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม2.5 ปัญหาน้ำท่วม ก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ จึงขอให้แก้ปัญหาด้วย” น.ส.กาญจน์สุดากล่าว
เพิ่มงบท้องถิ่น-ลุยไฮสปีดเทรน
ที่ จ.นครราชสีมา นางสุบงกช วงศ์วิชยาภรณ์ อดีตประธานหอการค้านครราชสีมาและอดีตประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดอีสานตอนล่าง กลุ่มนครชัยบุรินทร์ ประกอบด้วย นครราชสีมาชัยภูมิ-บุรีรัมย์-สุรินทร์ ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์หอการค้านครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้โหวตโพลออนไลน์ ของมติชนxเดลินิวส์ รัฐบาลเศรษฐาควรแก้ปัญหาอะไร อันดับแรก แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ส่วนปัญหาการเมืองปฏิรูปโครงสร้างสังคมก็จำเป็นเช่นกัน หากสามารถเลือกได้ทั้งสองอย่าง ซึ่งควรเร่งแก้ไขปัญหาการเกษตร, หนี้สินครัวเรือน หนี้สาธารณะ เนื่องจากความบอบช้ำทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ประชาชนในประเทศไม่มีกำลังทรัพย์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขอให้รัฐบาลส่งเสริมและให้โอกาส เพิ่มงบประมาณลงมาสู่ท้องถิ่น เยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาเศรษฐกิจจะสามารถช่วยให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความเชื่อมั่นในของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามการใช้งบประมาณต่างๆ ต้องสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมและปราศจากการทุจริต
“การแก้ไขปัญหาสังคมโดยเฉพาะยาเสพติด อาชญากรรมรวมทั้งปัญหาความเครียดของประชาชนทุกกลุ่มอาชีพที่กดดันในสภาวะปัจจุบัน ดังนั้นควรสร้างสังคม เศรษฐกิจดี ประชาชนอิ่มท้อง สามารถลืมตาอ้าปากได้ วันนี้ทุกพรรคการเมืองมีความสำคัญต้องจับมือช่วยกันใช้ความสามารถเติมเต็มแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนให้ประเทศรอดพ้นจากวิกฤตบ้านเมืองในทุกมิติ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานซึ่งมีพรรคอุดมการณ์ในทิศทางเดียวกัน ควรร่วมมือ ให้เห็นถึงศักยภาพ เพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาต่างๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างครอบคลุม” นางสุบงกชกล่าว
นางสุบงกชกล่าวว่า ทั้งนี้ฝากถึงรัฐบาลเศรษฐา โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ควรให้ความสำคัญพื้นที่อีสานตอนล่างด้วย จนถึงขณะนี้โครงการไฮสปีดเทรนและรถไฟทางคู่ ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ยังเป็นเพียงพิมพ์เขียวไม่มีความชัดเจนจะสามารถดำเนินการได้ตอนไหน
แก้หนี้ครัวเรือน-ลดค่าไฟ-น้ำมัน
ที่ จ.หนองคาย นายบัญญัติ บูชากุล หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า โพลที่ทำครั้งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี หัวข้อที่ให้โหวตนั้นครอบคลุมกับสิ่งที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไข ซึ่งในส่วนของตนนั้นมองว่าต้องเร่งปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง ก่อนแก้ปัญหาการเมือง-ปฏิรูปโครงสร้างสังคม เนื่องจากมีความสำคัญมากกว่า มีผลกระทบกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ และตนเห็นว่าการแก้แก้ปัญหาการเมือง-ปฏิรูปโครงสร้างสังคม เป็นเรื่องที่ทำได้ยากและมีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย จึงน่าจะแก้ทีหลัง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้องที่ตนเลือกในครั้งนี้ คือการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน-หนี้สาธารณะ, แก้ปัญหาการเกษตร และการลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน
นายบัญญัติกล่าวอีกว่า เหตุผลที่เลือกการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน-หนี้สาธารณะนั้น เนื่องจากผมมองว่าปัญหาหนี้สินได้ส่งผลกระทบ โดยตรงกับครอบครัว หากครอบครัวไหนมีหนี้สินมาก ความอบอุ่นของครอบครัวก็จะลดน้อยลง ทุกคนในครอบครัวก็จะลำบาก ครอบครัวไหนที่มีหนี้สินก็จะเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การจะลงทุนทำอะไรสักอย่างก็ไม่ได้ ส่วนที่เลือกแก้ปัญหาการเกษตรนั้น มองว่าหากปัญหาการเกษตรได้รับการแก้ไข เช่น ราคาพืชผลการเกษตรสูงขึ้น มีน้ำทำการเกษตร มีที่ดินทำการเกษตรเป็นของตนเอง เหล่านี้ เป็นต้น ก็จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ก็จะส่งผลโดยตรงกับปัญหาหนี้สิน ครัวเรือน-หนี้สาธารณะ ที่จะมีน้อยลง หรือครอบครัวที่เป็นหนี้ก็จะมีเงินใช้หนี้ สิ่งดีๆ ก็จะกลับมาสู่ครอบครัว และที่เลือกการลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันนั้น เนื่องจากถือเป็นสิ่งที่กระทบกับประชาชนและเกษตรกรมากที่สุด โดยเฉพาะค่าไฟ ค่าน้ำมัน ถือเป็นต้นทุนในการทำการเกษตร คือค่าไฟ ค่าน้ำมันที่แพง ก็จะทำให้เกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำน้ำมาใช้ในการเกษตรแพงขึ้น หากลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ต้นทุนในการทำการเกษตรก็จะลดลง เมื่อรัฐบาลแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนหนี้สาธารณะ, แก้ปัญหาการเกษตรไปพร้อมๆ กับค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ก็จะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีความถาวร
ศานนท์-บก.ลายจุดชวนโหวต
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า เห็นควรให้ทำไปควบคู่กัน เรื่อง ปากท้อง เช่น ที่ดิน เป็นโครงสร้างสังคมเหมือนกัน มีหลายที่ดิน ชาวบ้านไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ จึงต้องแก้ปัญหาปากท้องระยะสั้น และโครงสร้างสังคม โดยเฉพาะคนจนที่ยังไม่สามารถครอบครองที่ดินได้ เมื่อไม่มีที่ดินทำกิน จึงไม่สามารถหลุดออกจากวงโคจรความจนได้
ทั้งนี้มองว่าปัญหาปากท้องเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ในช่วงโควิดที่ผ่านมา แต่ช่วงนี้มีการฟื้นขึ้นมาบางส่วน เช่น เรื่องการท่องเที่ยว แต่ยังมีปัญหาคนไร้บ้าน สะท้อนให้เห็นถึงความยากจน การขาดสวัสดิการต่างๆ จึงควรแก้ไขปัญหาตรงนี้ พร้อมทั้งมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นด้วย
“อย่างไรก็ตามการโหวตเป็นเสียงสะท้อนอีกช่องทางหนึ่ง ตั้งแต่เลือกตั้งมา นโยบาย 100 วันที่หาเสียงไว้ กว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาลก็เกิน 100 วันไปแล้ว ทำให้มาตรการหลายอย่างที่รัฐบาลมอง อาจจะต้องการเสียงสะท้อนให้มากขึ้น จึงชวนกันมาโหวตโพลมติชนxเดลินิวส์ ด้วย” นายศานนท์กล่าว
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักกิจกรรมทางการเมือง แสดงความเห็นว่า มองว่ารัฐบาลสามารถทำไปด้วยกันได้ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง เพราะว่ารัฐบาลมีกลไกต่างๆ อาทิ กระทรวงและคณะทำงาน ที่สามารถทำด้วยกันได้ทั้งหมด เนื่องจากทุกเรื่องสำคัญหมด แต่จะทำอะไรก่อนหลังขึ้นอยู่กับอุปสรรคข้อจำกัดของแต่ละนโยบาย อะไรที่ทำสะดวกกว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นก่อน และหากพิจารณาจะพบว่า ทุกกระทรวงกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกอย่างควรดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันโหวตแสดงความเห็น เพราะถือว่าเป็นโพลที่ทำหลังจากเป็นรัฐบาลมาแล้ว 2 เดือน ถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้ให้คะแนน และส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลด้วย
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 28 ต.ค. 2566