โฆษกสภากทม. ยัน สภาฯ ยังมิได้มีมติเห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ย้ำ! เป็นแค่รายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริงเท่านั้น
น.ส.นฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) เขตคลองสามวา ในฐานะโฆษกสภากทม. เปิดเผยถึงกรณีการเผยแพร่ข่าวสภากทม. รับทราบรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บางส่วน) โดยเป็นการเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาการชำระหนี้งานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และสภากทม. ไม่ได้มีการลงมติเพื่อเห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหารถไฟฟ้าแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การรายงานของคณะกรรมการวิสามัญฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเพียงการรายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริง และสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อสรุปให้สมาชิกสภากทม.ที่ร่วมประชุมสภากทม. ได้รับฟังเท่านั้น ไม่ได้เป็นการศึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไข หรือเป็นข้อกำหนดให้ฝ่ายบริหาร กทม. หรือบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ต้องนำไปปฏิบัติ รวมทั้งไม่ได้เป็นมติใด ๆ ของสภากทม. ที่ฝ่ายบริหาร กทม.จะสามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินการได้
น.ส.นฤนันมนต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการวิสามัญฯ ชุดนี้ ตั้งขึ้นเพื่อศึกษาปัญหาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวเท่านั้น มิได้มีหน้าที่ในการศึกษาแก้ไขปัญหาเรื่องรถไฟฟ้า ซึ่งการแก้ไขเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร กทม.ที่ต้องหาแนวทางและจัดทำแผนเอง เมื่อฝ่ายบริหาร กทม.มีแนวทางแล้วก็ต้องเสนอกระทรวงมหาดไทยไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบ หากจำเป็นต้องใช้งบประมาณก็ต้องนำเข้าสภากทม. เพื่อพิจารณา ซึ่งต้องขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า การรายงานของคณะกรรมการวิสามัญฯ ในครั้งนั้น จะใช้อ้างอิงว่าเป็นมติของสภากทม. เพื่อดำเนินการไม่ได้ และสภากทม. ก็ยังไม่ได้มีการเสนอแนวทางแก้ไขใด ๆ กับฝ่ายบริหาร กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการนำเสนอข่าวอ้างแหล่งข่าวจาก กทม. ระบุว่า ในการประชุมสภากทม.เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาชำระหนี้งานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ของคณะ กรรมการวิสามัญฯ และหลังจากนั้นทางบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัดได้ประชุมหารือกับ BTSC จนได้ข้อยุติยอดหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่จะต้องชำระ ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2566 เป็นจำนวนกว่า 23,000 ล้านบาท และได้ทำหนังสือแจ้งให้ กทม.ได้รับทราบแล้วซึ่งขณะนี้ กทม. อยู่ระหว่างนำเสนอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาว่าจะสามารถอุดหนุนยอดหนี้ดังกล่าวได้หรือไม่ หากไม่สามารถอุดหนุนได้ก็จะนำเสนอเข้าที่ประชุมสภากทม.เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณต่อไป
ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 19 ต.ค. 2566
