(23 ก.ย. 65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปาฐกถาในหัวข้อ From Policy to Execution ให้กับสมาชิกสโมสโรตารีกรุงเทพใต้ ณ โรงแรมคราวน์พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินีพาร์ค ถนนพระรามที่ 4 เขตบางรัก
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงศักยภาพของกรุงเทพฯในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ ว่า การจะทำอะไรต้องดูจุดแข็งและจุดอ่อน ซึ่งจุดแข็งของกรุงเทพฯ คือ เป็นเมืองที่สร้างจีดีพีของประเทศ มีค่าครองชีพที่สู้กับประเทศอื่นได้ ใครๆ ก็อยากมากรุงเทพฯ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีวัฒนธรรสวยงาม แนวทางที่จะดำเนินการ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยว สุขภาพอนามัย อัญมณี ธุรกิจไมซ์ (MICE) โดยดึงดูดให้มีการลงทุนจากต่างชาติ
แต่ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน ความไม่เชื่อใจกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน การทำธุรกิจในประเทศไทยทำได้ลำบาก อีกทั้งคนไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง และไม่สามารถดึงดูดคนเก่งให้อยู่ในประเทศได้ นอกจากนี้มีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 พื้นที่สีเขียวที่ใช้ได้จริงมีไม่มากเพราะบางส่วนเป็นเรื่องของการทำเกษตรกรรม รวมถึงปัญหาเส้นเลือดฝอยเป็นสิ่งที่ต้องดูแลพอ ๆ กับเส้นเลือดใหญ่ เช่น มีรถไฟฟ้าขนาดใหญ่แต่คนยังต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือรถตู้กลับบ้านเพราะรถไฟฟ้าไปไม่ถึง มีโรงเผาขยะขนาดใหญ่แต่การขนขยะจากต้นทางให้ทั่วถึงยังทำได้ลำบาก มีอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่แต่ยังต้องมีคนลงไปเก็บขยะหน้าตะแกรงระบายน้ำ ศูนย์บริการสาธารณสุขหรืออนามัยมียาไว้บริการไม่มากและไม่หลากหลาย มีมหาวิทยาลัยดี ๆ แต่การดูแลเด็กเล็กยังไม่ดี
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวอีกว่า ต้องดึงดูดคนเก่งให้มาทำงานอยู่ในประเทศไทยไม่ไปอยู่ต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์มีการอนุญาตให้คนเก่งสามารถเข้ามาอยู่ในประเทศได้เลยโดยไม่ต้องใช้วีซ่าและยังไม่ต้องมีงานทำก็ได้ ที่ญี่ปุ่นและอังกฤษก็เหมือนกัน สำหรับประเทศไทยเป็นเมืองน่าอยู่อันดับที่ 98 แต่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 แสดงให้เห็นว่าคนแค่อยากท่องเที่ยวไม่อยู่นาน มาแล้วก็ไป มีความประทับใจในประเทศไทยแต่ไม่ได้คิดจะอยู่ต่อ
ทั้งนี้ ตั้งใจอยากทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งได้ดึงเอาแนวทางจาก The Economist Intelligence Unit ที่จัดอันดับเมืองท่องเที่ยวและเมืองน่าอยู่ มาทำเป็นนโยบาย 9 ด้าน และแผนปฏิบัติการ โดยได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าฯ สัญจร ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับประชาชน จุดบริการจุดเดียวจบ แพลตฟอร์มทราฟฟี่ฟองดูว์ เป็นต้น สำหรับงานที่ทำคือการบริหารจัดการเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความหวัง ในระบอบประชาธิปไตย ได้เน้นความร่วมมือกับ 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ การศึกษา เอกชน และประชาชน โดยมุ่งหวังอยากเจียระไนกรุงเทพฯ ให้เป็นเพชรเม็ดงาม
——————————-(พัทธนันท์…สปส. รายงาน)