(19 ก.ย. 68) เวลา 09.00 น. นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการนำร่อง “แยก แลก ถุง ไม่เทรวม เขตบางขุนเทียน” ซึ่งกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบางขุนเทียน ร่วมกับ บริษัท รัตน์มณี จำกัด นำร่องการบริหารจัดการขยะโดยใช้ถุงขยะแยกสี แยกประเภท มุ่งส่งเสริมให้ประชาชน คัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง เพื่อจัดการขยะอย่างยั่งยืน ลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด พร้อมเปลี่ยนขยะให้เป็นทรัพยากร เพิ่มรายได้ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับชุมชนและครัวเรือน ผ่าน WASTE BUY Delivery 

ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินแนวทางการลดและควบคุมปริมาณมูลฝอยที่แหล่งกำเนิดและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการมูลฝอยตั้งแต่แหล่งกำเนิดจนถึงการกำจัดอย่างถูกต้อง ตามนโยบายสิ่งแวดล้อมดีของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มุ่งเน้นแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยแยกขยะเปียกหรือขยะเศษอาหารออกจากขยะอื่น ๆ จากองค์กรแบบมุ่งเป้า (ไม่เทรวม) โดยสำนักงานเขตบางขุนเทียน ได้ดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การคัดแยกขยะให้กับประชาชน พร้อมทั้งรวบรวมปัญหาและอุปสรรคในการคัดแยกขยะจากประชาชนในพื้นที่ คือ ยังขาดอุปกรณ์หรือเครื่องมือในการช่วยคัดแยกที่ชัดเจน จึงเกิดแนวคิดโครงการ “แยก แลก ถุง ไม่เทรวม” ให้ประชาชนได้มีเครื่องมือเป็นถุงแยกขยะแต่ละประเภท ทำให้สร้างความเข้าใจได้ง่ายในการคัดแยกขยะโดยใช้สีเป็นตัวแบ่ง 

ทั้งนี้ สำนักงานเขตบางขุนเทียน ร่วมกับ บริษัท รัตน์มณี จำกัด ผู้ผลิตถุงพลาสติกและกำจัดขยะในพื้นที่เขตบางขุนเทียน ในการนำร่องใช้ถุงขยะแยกสี แยกประเภท พร้อมนัดวันเวลาจัดเก็บกับหมู่บ้านและชุมชน ที่อยู่ในพื้นที่เขตบางขุนเทียน ภายใต้แนวคิดการบริหารจัดการขยะ ด้วยการสร้างความร่วมมือสู่ความยั่งยืน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน (4P) People Public Private Partnership โดยจะเริ่มดำเนินการนำร่องกับ 1 หมู่บ้านต้นแบบ ได้แก่ หมู่บ้านคาซ่าวิลล์ ในการใช้ถุงขยะแยกสีแยกประเภท ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท รัตน์มณี จำกัด โดยสำนักงานเขตบางขุนเทียน จะดำเนินการแจกถุงขยะสีต่าง ๆ ตามประเภทขยะ เพื่อให้ประชาชนคัดแยกขยะที่บ้านตั้งแต่ต้นทาง จากนั้นจะดำเนินการเข้าจัดเก็บขยะ ตามสีขยะแต่ละประเภท พร้อมนำถุงขยะที่ใช้แล้วส่งกลับให้ทาง บริษัท รัตน์มณี นำไปรีไซเคิล และดำเนินการแจกถุงขยะใหม่ตามสีและประเภทขยะนั้นๆ เปลี่ยนกลับคืนให้กับประชาชน เพื่อนำมาใช้ทิ้งในครั้งต่อไป 

โดยเริ่มนำร่องกลุ่มเป้าหมายแรกที่หมู่บ้านคาซ่าวิลล์ ถนนพระรามที่ 2 ซอย 50 เขตบางขุนเทียน จำนวน 210 หลังคาเรือน ปริมาณขยะ 8 ตัน/เดือน โดยดำเนินการคัดแยกขยะ ดังนี้ ขยะทั่วไป จัดเก็บตามรอบการจัดเก็บ 2 ครั้ง/สัปดาห์ ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี ในเวลา 14.00 น. ขยะรีไซเคิล นำไปหมุนเวียน และจำหน่ายกับ Waste Buy Delivery 1-2 ครั้ง/เดือน ตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หากยั่งยืนจะนำไปจัดซื้อถุงคัดแยกต่อไป ขยะอินทรีย์ เจ้าหน้าที่จัดเก็บรวบรวมทำปุ๋ยอินทรีย์ โดยนำขยะอินทรีย์ใส่ในถังหมักปุ๋ยที่เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตจัดทำให้ ขยะอันตราย นัดทิ้งนัดเก็บเดือนละ 1 ครั้ง หรือประชาชนสามารถทิ้งที่รถเก็บมูลฝอยเนื่องจากรถเก็บมูลฝอยมีถังคัดแยกจัดเก็บติดตั้งไว้ทุกคัน 

โดยมีเป้าหมายและการวัดผลติดตามโครงการ ได้แก่ 1. ครัวเรือนในหมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการดำเนินการคัดแยกขยะไม่น้อยกว่า 70% (146 หลัง) 2. ลดปริมาณขยะที่ต้องทิ้งรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ภายใน 3 เดือน เพิ่มปริมาณขยะรีไซเคิลที่เก็บได้ไม่น้อยกว่า 500 กิโลกรัม/เดือน 3. เพิ่มความเข้าใจให้ประชาชนคัดแยกขยะจากต้นทางอย่างถูกวิธีและสร้างความยั่งยืนและต่อยอดได้ด้วยตนเองจากการคัดแยกขยะ เช่น นำขยะอินทรีย์ไปทำปุ๋ยหมักใช้ในบ้านเรือน หรือนำขยะรีไซเคิลส่งกำจัดกับผู้ประกอบการอย่างถูกวิธีและสร้างรายได้ภายในครัวเรือน ทั้งนี้ ยังขาดความร่วมมือจากประชาชนในบางส่วนในการคัดแยกขยะเนื่องจากมีขยะอินทรีย์ปนกับขยะทั่วไป 

จากนั้น ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน ร่วมกับ เซ็นทรัล พระราม 2 เดินหน้าโครงการส่งต่ออาหารและความสุขผ่านโครงการ Hungry Monkey Food ภายใต้โครงการ BKK Food Bank เพื่อช่วยลดอาหารส่วนเกิน (Food Surplus) ให้เกิดประโยชน์ลดปัญหาขยะอาหาร และแบ่งปันให้ชุมชนและลิงแสมในพื้นที่เขตบางขุนเทียน อย่างยั่งยืน พร้อมบรรยายและประชาสัมพันธ์โครงการบ้านนี้ไม่เทรวม แยกขยะลดค่าธรรมเนียม ให้กับผู้ประกอบการ ร้านค้า ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 

#สิ่งแวดล้อมดี #บ้านนี้ไม่เทรวม #แยกขยะจ่ายน้อยกว่า #แยก20ไม่แยก60 #BKKWASTEPAY 

—– (ปชส.สสล. รายงาน)