กทม.พร้อมเฝ้าระวังเชิงรุกป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ประชาชนทุกกลุ่ม
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม.กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ว่า สถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในปี 2566 พบการระบาดเพิ่มสูงขึ้น จากรายงานเฝ้าระวังโรค (รง.506) มีผู้ป่วยสะสม 39,385 ราย คิดเป็นอัตราป่วยสะสม 716.75 ราย/ประชากรแสนคน พบผู้เสียชีวิต 1 ราย อัตราป่วยจำแนกตามกลุ่มอายุสูงสุด คือ 5 – 9 ปี รองลงมา ได้แก่ 10 – 14 ปี และ 0 – 4 ปี ตามลำดับ ในปี 2566 นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – ส.ค.66 จำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง พบว่า สูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง คิดเป็น 3.12 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกัน เฉพาะเดือน ก.ย.66 มีจำนวนผู้ป่วย 18,284 ราย
ทั้งนี้ กทม.ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในประชาชนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจ้งเตือนการระบาดและออกสอบสวนโรคหากพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน ขณะเดียวกันได้ให้บริการวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี) เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน ผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) 6) โรคอ้วน (น้ำหนัก> 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) และผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ โดยดำเนินการในศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.ระหว่างวันที่ 1 พ.ค. – 31 ส.ค.66 จำนวน 132,567 คน
นอกจากนั้น ยังได้เตรียมพร้อมมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ของโรงเรียนในสังกัด กทม.ทุกระดับชั้น โดยจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งแบบแผ่นพับและสื่อออนไลน์ รวมถึงแจ้งแนวทางการคัดกรองนักเรียนที่มีอาการป่วยให้โรงเรียนได้รับทราบถึงแนวทางปฏิบัติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กนักเรียนและการระบาดในลักษณะกลุ่มก้อน ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อจากฝอยละอองจากการไอ หรือจามรดกัน หรืออาจติดต่อจากการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย วิธีการป้องกัน ได้แก่ ปิดปาก ปิดจมูกเมื่อไอ จาม สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในที่ชุมชน ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ หลีกเลี่ยงคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย เมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด และเมื่อมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดให้รีบสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย หากพบว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ต้องรีบรับประทานยา พักผ่อนมาก ๆ เช็ดตัวลดไข้ ดื่มน้ำสะอาด ประมาณ 5 – 7 วัน หรือจนอาการดีขึ้น
ประชาชนพึงพอใจติดตั้ง s-guard ตรงข้ามตลาดบางแค ผู้ใช้วีลแชร์ไม่มีปัญหาการใช้งาน
นายณรงค์ ตาปสนันทน์ ผู้อำนวยการเขตบางแค กทม.กล่าวกรณีมีข้อวิจารณ์การติดตั้งเสากั้นป้องกันผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้าตรงข้ามตลาดบางแค สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใช้วีลแชร์ว่่า การติดตั้งเสาเหล็ก (s-guard) กั้นไม่ให้รถจักรยานยนต์ขึ้นไปจอด หรือขับขี่บนทางเท้าบริเวณตรงข้ามตลาดบางแค เนื่องจากได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับการจอด หรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้าบริเวณซอยเพชรเกษม 62/1 ผ่านระบบ Traffy Fondue เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 23 ก.ค.- 5 ส.ค.66 จำนวน 466 เรื่อง ซึ่งสำนักงานเขตฯ ได้แก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนดังกล่าว โดยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบว่า การจอด หรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามมาตรา 17 (2) แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 รวมถึงติดป้ายเตือน พร้อมระบุโทษหากมีการฝ่าฝืน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตลอดจนตั้งแผงเหล็กกั้นไม่ให้ขึ้นไปจอด หรือขับขี่บนทางเท้า แต่ยังมีผู้ยกแผงเหล็กออกและฝ่าฝืนเช่นเดิม สำนักงานเขตฯ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่กวดขันผู้ฝ่าฝืนจอด หรือขับขี่บนทางเท้าทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. และจับกุมผู้กระทำผิด โดยตั้งแต่วันที่ 5 – 11 ส.ค.66 จับกุมได้ 46 ราย
นอกจากนี้ สำนักงานเขตฯ ได้แจ้งให้ผู้แทนสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) และระบบ AI ทราบว่า มีการร้องเรียนจำนวนมาก จึงขอให้พิจารณาการติดตั้งกล้อง CCTV ในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินงานของสำนักงานเขตฯ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยมีผู้ฝ่าฝืนและร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง สำนักงานเขตฯ จึงได้พิจารณาติดตั้งเสากั้น (s-guard) ขึ้นบริเวณจุดที่มีการร้องเรียนฝั่งตรงข้ามตลาดบางแค ซึ่งได้มอบหมายให้ฝ่ายโยธาออกแบบและกำหนดระยะห่างระหว่างเสา โดยคำนึงถึงผู้พิการที่ใช้วีลแชร์และผู้ใช้รถจักรยานเป็นหลัก ให้สามารถผ่านได้โดยไม่ติดขัดและได้นำวีลแชร์ไปทดสอบทุกครั้ง ขอยืนยันว่า วีลแชร์สำหรับผู้พิการสามารถผ่านได้ ประกอบกับสำนักงานเขตฯ ได้สอบถามความเห็นของประชาชนบริเวณดังกล่าว พบว่า มีความพึงพอใจ สามารถป้องกันการขึ้นไปขับขี่บนทางเท้าที่อาจสร้างอันตรายให้ประชาชนที่ใช้ทางเท้าได้ ขณะเดียวกันได้สอบถามผู้พิการที่ใช้วีลแชร์แล้ว พบว่า มีความพึงพอใจอย่างมากและไม่มีปัญหาในการใช้งาน ทั้งนี้ การติดตั้งเสาเหล็ก (s-guard) ไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการมาดำเนินการแต่อย่างใด และปัจจุบันบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏว่า มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการจอด หรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ขณะเดียวกันได้มีประชาชนแจ้งเรื่องเข้ามาในระบบ Taffy Fondue ขอให้ติดตั้งเสาเหล็กเพิ่มขึ้นในพื้นที่อีกหลายแห่งทั้งบนถนนเพชรเกษมและถนนพุทธมณฑลสาย 2