นื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”วันนวมินทรมหาราช” 13 ตุลาคม 2566 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในการสนับสนุนการศึกษาของคนไทย ในทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา จนไปถึงระดับอุดมศึกษา ในรูปแบบของ “ทุนพระราชทาน”
ซึ่งนักเรียนที่จะได้รับพระราชทานทุนนั้นมีทั้งนักเรียนที่ด้อยโอกาส นักเรียนที่มีฐานะทางบ้านยากจน ขาดแคลนทุนทรัพย์ มีผลการเรียนดี มีความประพฤติเรียบร้อย และมีความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียน โดยพระราชทานเป็นทุนประเดิม ต่อมาผู้มีจิตศรัทธาบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลอีกเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งตั้งเป็นมูลนิธิช่วยนักเรียนขาดแคลนในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อที่จะให้นักเรียน นิสิตนักศึกษาเหล่านี้ได้กลับมาทำงานในสาขาวิชาที่ตนเอง ได้เรียนมา และนี่คือ “9 ทุนการศึกษาพระราชทาน”ดังต่อไปนี้.
1.ทุนมูลนิธิ “ภูมิพล” ตั้งแต่ปี 2495 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 100,000 บาท ให้แก่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ตั้งเป็นทุน “ภูมิพล” เพื่อเก็บดอกผลพระราชทานเป็นทุนแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ผู้เรียนดีแต่ขัดสนทุนทรัพย์ ทุน “ภูมิพล” นี้ยังได้พระราชทานให้แก่บัณฑิตที่สอบได้คะแนนยอดเยี่ยมในสาขาวิชาต่างๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อเป็นรางวัลแก่นิสิตนักศึกษาที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นประจำทุกปี ต่อมาจึงได้พระราชทานไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ นอกจากนั้น ยังได้พระราชทานทุนแก่บัณฑิตที่ได้คะแนนยอดเยี่ยมในสาขาวิชาต่างๆ ไปศึกษาต่อในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก
2.ทุนมูลนิธิ “อานันทมหิดล”ทรงตระหนักว่า ประเทศไทยเราต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในวิชาเทคนิคชั้นสูง เพื่อมาช่วยพัฒนาประเทศมากขึ้น จึงควรส่งเสริมนิสิตนักศึกษา ที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมให้มีโอกาสไปศึกษาต่อในวิชาชั้นสูงบางวิชา ณ ต่างประเทศ เมื่อสำเร็จแล้วได้ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เรียนมาต่อไป จึงโปรดเกล้าฯ ให้ทดลองดำเนินการด้วยการพระราชทาน “ทุนอานันทมหิดล”ในปี พ.ศ.2498 แก่นักศึกษาแพทย์ตามรอยพระบาทสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และเพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จดทะเบียนตราสารทุนอานันทมหิดล เป็น “มูลนิธิอานันทมหิดล” เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2502 โดยพระราชทานทุนเริ่มแรกจำนวน20,000 บาท มีผู้ได้รับพระราชทานทุนสาขาแพทยศาสตร์ในขณะนั้น 3 ราย ปัจจุบันทุนมูลนิธิ “อานันทมหิดล” ได้ขยายขอบเขตการพระราชทานทุนแก่นักศึกษาสาขาต่างๆ คือสาขาแพทยศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเกษตรศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์รัฐศาสตร์ สังคมวิทยา วารสารศาสตร์ และ อักษรศาสตร์ยังมีทุนพระราชทาน เรียกว่า “ทุนส่งเสริมบัณฑิต” แพทย์ผู้ใดเป็นแพทย์ผู้สละเวลาและอุทิศตนปฏิบัติงานเพื่อส่วนรวม โดยมิได้คำนึงถึงความเหนื่อยยากและประโยชน์ส่วนตน ก็จะขอพระราชทานเงินทุนส่งเสริมบัณฑิตให้เดือนละ6,000 บาท เพื่อช่วยเป็นค่าใช้จ่ายของแพทย์ผู้นั้น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2523 จนถึงปัจจุบัน
3.ทุนเล่าเรียนหลวง มีพระราชปรารภฟื้นฟูการให้”ทุนเล่าเรียนหลวง” ขึ้นใหม่ใช้ “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยทุนเล่าเรียนหลวง 2508” ทุนเล่าเรียนหลวงเป็นทุนพระราชทานแก่นักเรียนที่สอบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการได้คะแนนดีเยี่ยมปีละ 9 ทุน คือแผนกศิลปะ 3 ทุน แผนกวิทยาศาสตร์ 3 ทุน และแผนกทั่วไป 3 ทุน ให้ไปศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศและไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องกลับมารับราชการ ส่วนทุนเล่าเรียนหลวงในระดับการศึกษาที่สูงกว่าปริญญาตรีนั้น ได้จัดให้มีขึ้นในปี 2518 เนื่องในมหามงคลสมัยพระราชพิธีรัชดาภิเษกเฉลิมฉลองครบ 25 พรรษาแห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยจัดตั้งทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก แก่นักศึกษาที่เป็นคนไทย และชาวต่างประเทศที่มีผลการเรียนดีเด่นเป็นพิเศษของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ในปัจจุบันพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงแก่นักศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียปีละ 16 ทุน ทุนละ 220,000 บาทต่อปี
4.ทุนการศึกษาสงเคราะห์ในมูลนิธิราชประชานุเคราะห์พระองค์ท่านได้ทรงโปรดเกล้าฯ ก่อตั้ง “มูลนิธิราชประชานุเคราะห์” โดยมีพระราชดำริให้ตั้งทุนเพื่อหาดอกผลสงเคราะห์เด็กที่ครอบครัวต้องประสบวาตภัยภาคใต้ และขาดผู้อุปการะเลี้ยงดูรวมทั้งช่วยเหลือราษฎร ผู้ซึ่งประสบสาธารณภัยทั่วประเทศด้วย สร้างอาคารเรียน หรือสร้าง”โรงเรียนราชประชานุเคราะห์” ปัจจุบันมีอยู่ 30 โรง5.ทุนมูลนิธิราชประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์และมูลนิธิโรงเรียนราชประชาสมาสัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แก่มูลนิธิราชประชาสมาสัย จัดสร้างโรงเรียนประจำบุตรผู้ป่วยโรคเรื้อนที่มีอยู่ในชุมชน ตลอดจนบุตรผู้ป่วยที่ยังไม่รับเชื้อโรคเรื้อนรับเด็กเหล่านั้นมาเลี้ยงดูอบรม
6.ทุนนวฤกษ์ ช่วยนักเรียนขาดแคลนในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อช่วยให้นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์แต่มีผลการเรียนดี ความประพฤติดี ได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษาต่อในระดับต่างๆ ทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษาฝึกหัดครู และอุดมศึกษา พระราชทานความช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่บุตรในครอบครัวที่เดือดร้อนมากหรือขาดผู้อุปการะ เช่น กำพร้าบิดามารดา โดยทรงรับเด็กเหล่านั้นไว้เป็นนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์
7.ทุนพระราชทานแก่นักเรียนชาวเขา เป็นทุนที่ทางกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการขอพระราชทานจัดให้แก่นักเรียนชาวเขาได้ศึกษาต่อตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาตอนปลายเมื่อปี 2514 ส่งเสริมให้ชาวเขาส่งบุตรหลานมาศึกษาในโรงเรียนมากขึ้น ทำให้มีโอกาสใช้ภาษาไทยได้ดียิ่งขึ้นและกลับไปช่วยพัฒนาท้องถิ่นของตน เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะไปเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนชาวเขาหรือทำงานเกี่ยวกับชาวเขา
8.ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย พระองค์ท่านยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย แบ่งเป็น 10 ประเภท อาทิ ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร.) ทุนการศึกษาระดับเปรียญธรรม 6, 7, 8 และ 9 กำกับดูแลโดยกองบาลีสนามหลวง ทุนหน่วยปฏิบัติการพระธรรมทูตดีเด่น กำกับดูแลโดยกองงานพระธรรมทูต ทุนสำนักเรียนและสำนักศาสนศึกษาดีเด่น ส่งเสริมสำนักเรียนและสำนักศาสนศึกษาในแต่ละเขตปกครองคณะสงฆ์ที่มีผลงานดีเด่น กำกับดูแลโดยกองบาลีสนามหลวง
9.ทุนเศรษฐกิจพอเพียง เป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “พัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี และคนเก่ง สู่เส้นทางความสำเร็จ ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนนักเรียนโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีโดยผู้ที่ได้รับทุนนอกจากจะได้ศึกษาวิชาการในมหาวิทยาลัยแล้ว ยังได้รับโอกาสในการร่วมกิจกรรมการศึกษาถึงคุณค่าของโครงการตามพระราชดำริต่างๆ รวมทั้งหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขอบคุณภาพจาก…หน่วยราชการในพระองค์ https://www. royaloffice.th
“ชัชชาติ” นักเรียนทุนอานันทมหิดล ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 เชื่อการศึกษาเปลี่ยนชีวิต และทำประโยชน์ให้ประเทศได้ ต่อยอดพัฒนาการศึกษานักเรียนสังกัด กทม.
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความรู้สึกเมื่อครั้งเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสรับทุนพระราชทานมูลนิธิอานันทมหิดล ว่าทันทีที่รู้ว่าตนเองได้รับทุนอานันทมหิดล ก็รู้สึกตื่นเต้นมากในครั้งนั้นตนเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมกับ ดร.ผณิศวรชำนาญเวช ซึ่งได้เรียนจบกลับมา จึงได้เข้าไปกราบพร้อมกัน โดยตนได้รับทุนพระราชทานมูลนิธิอานันทมหิดลเพื่อไปเรียนต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิต ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณตนจดจำมาตลอด สิ่งที่ประทับใจคือ ช่วงเวลานั้นผู้ที่ได้ทุนต้องไปถวายบังคมลา บังเอิญตนโชคดีได้ไปถวายบังคมลากับในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงมีพระเมตตามาก มีพระราชดำรัสนานประมาณครึ่งชั่วโมง สิ่งที่จำได้ตลอดพระองค์ท่านทรงรับสั่งว่า ทุนอานันทมหิดลไม่ได้กำหนดให้กลับมารับราชการ ให้กลับมาทำอะไรก็ได้ เพราะเชื่อว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ และยังรับสั่งอีกว่า ไปเรียนอย่าเคร่งเครียดมาก ให้ดูหนังดูละครได้ นี่คือสิ่งที่ตนจำมาตลอด พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตามาก
และในฐานะที่ตนอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สิ่งที่ตระหนักคือทำงานโดยใช้ความรู้ความสามารถที่มีเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนา มุ่งทำให้ความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพฯ ดีขึ้น สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่และจะทำเต็มความสามารถ โดยยึดประโยชน์ประเทศชาติและส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าอยู่ในบทบาทใด เช่น อาจารย์ ผู้บริหารองค์กร รัฐมนตรี หรือผู้ว่าฯ กทม. โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมามีการพูดถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ความยั่งยืน เรื่องสภาวะโลกร้อน และเรื่องต่างๆแต่ถ้าไม่เริ่มที่การศึกษา สิ่งที่จะทำไม่มีทางยั่งยืนได้
“ตนเชื่อว่าหัวใจคือการศึกษา จะเห็นว่าเรื่องการศึกษาและสาธารณสุขสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ดีที่สุด จากการสอบถามพี่น้องคนกวาดถนนที่อาจจะมีการศึกษาไม่สูงมาก แต่สามารถส่งลูกจบปริญญาตรีได้ ทำให้หนึ่งชีวิตของลูกพัฒนาขึ้นตลอดชั่วชีวิต ดังนั้น การศึกษาคือสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตคนได้จริง ตนเองก็เปลี่ยนชีวิตได้เพราะการศึกษาเช่นกัน กทม. จึงมีนโยบายให้ความสำคัญกับการศึกษามากเพื่อเป็นรากฐานสำคัญ ในการพัฒนาคน อันจะนำไปสู่การพัฒนาชาติให้เจริญรุ่งเรือง” นายชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้ นายชัชชาติ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับทุนอานันทมหิดล ประจำปีพ.ศ.2530 เพื่อศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโครงสร้าง จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนาแชมเปญจน์
“.งานด้านการศึกษาเป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ ตามข้อเท็จจริงที่ทราบกันดีแล้ว ระยะนี้บ้านเมืองของเรามีพลเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งมีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น ด้วยว่าพลเมืองของเราบางส่วนเสื่อมโทรมลงไปในความประพฤติและจิตใจ ซึ่งเป็นอาการที่น่าวิตก ถ้าหากยังคงเป็นอยู่ต่อไปเราอาจจะเอาตัวไม่รอด ปรากฏการณ์เช่นนี้ นอกจากเหตุอื่นแล้วต้องมีเหตุมาจากการจัดการศึกษาด้วยอย่างแน่นอน. เราต้องจัดงานด้านการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น…”
(พระบรมราโชวาทที่พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตรเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2510)
“…การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบุคคลสังคมและบ้านเมืองใดให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนได้อย่างครบถ้วน ล้วนพอเหมาะกันทุกๆ ด้าน สังคม และบ้านเมืองนั้น ก็จะมีพลเมืองมั่นคงของประเทศชาติไว้ และพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไปได้โดยตลอด…”
(พระบรมราโชวาท ที่พระราชทานแก่ครูและนักเรียนที่ได้รับพระราชทานรางวัล เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2524)
“ทุนการศึกษาพระราชทาน” หรือทุนจากในหลวง ร.9 เป็นทุนให้เปล่า ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ เป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อช่วยเหลือการศึกษาในทุกระดับการศึกษา ทั้งนักเรียนที่ด้อยโอกาส มีฐานะยากจนขาดแคลนทุนทรัพย์ มีความประพฤติเรียบร้อย และมีความขยันหมั่นเพียร รวมถึงนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม เป็นคนดี มีความขยัน อดทน แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยพระราชทานเป็นทุนประเดิม และต่อมาผู้มีจิตศรัทธาบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลอีกเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งตั้งเป็นมูลนิธิช่วยนักเรียนขาดแคลนในพระบรมราชูปถัมภ์ ใช้เฉพาะดอกผลเป็นทุนการศึกษาต่อไปในภายภาคหน้า
ที่มา: นสพ.สยามรัฐ ฉบับวันที่ 13 ต.ค. 2566