หลังศาลปกครองกลางสั่งถอนอีไอเอ-ใบอนุญาตสร้าง
กทม.2ดินแดง – เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่อาคารไอราวัตพัฒนา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา เพิกถอนรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และใบอนุญาตก่อสร้าง พร้อมสั่งหยุดการก่อสร้าง ของโครงการ 125 สาทร บนถนนสาทรใต้ เขตสาทร ว่า เป็นโครงการที่อีไอเอ ในปี 2564 ซึ่งเข้าใจว่ามีปัญหาซับซ้อน โดยโครงการ 125 สาทร ตั้งอยู่บนที่ดินร่วมกันของคอนโดเดอะเม็ท เข้าใจว่ามีการนำที่ดินด้านหน้ามาแบ่งขายและพัฒนาเป็น โครงการ 125
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. รายงานมาเป็นเรื่องของอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน หรือ FAR ซึ่งใช้หลักการจำนวนพื้นที่ที่ใช้ก่อสร้างได้ต่อพื้นที่แปลงที่มี เผอิญว่าแปลงที่สร้างอันแรกใช้พื้นที่ของเดอะเม็ท แล้วมีการแบ่งที่ดินขาย เข้าใจว่ามีการคำนวณพื้นที่ก่อสร้างคลาดเคลื่อนกับที่กฎหมายกำหนด จึงต้องไปดูรายละเอียดคำพิพากษาอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องทางเทคนิค เป็นสิ่งที่ต้องไปศึกษาให้ดีว่ามีปัญหาตรงไหนบ้าง ต้องให้คณะกรรมการอีไอเอ ดูรายละเอียดและถอดบทเรียนแต่ละข้อ ตั้งแต่เรื่องคอนโดฯ แอชตัน อโศก ไล่มาจนถึงโครงการ 125 และโครงการต่างๆ ที่มีปัญหาอย่าง ดิเอทัส ในซอยร่วมฤดี ได้เน้นว่าให้เอาบทเรียนต่างๆ มาปรับปรุงให้มีความรอบคอบมากขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ดี มีผลกระทบหลายคน ทั้งนักลงทุน ผู้ประกอบการ ลูกค้า” ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องยุติการก่อสร้างหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ต้องไปดูคำสั่งของศาลปกครองให้ดี เข้าใจว่ามีการเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้าง ก็ต้องหยุดก่อสร้าง
จากนั้น นายชัชชาติได้เป็นประธานพิธีลงนามในบันทึก ความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างกรุงเทพมหานคร กับ TikTok เพื่อร่วมขับเคลื่อนกรุงเทพฯ เป็น สมาร์ตซิตี้ อย่างยั่งยืน
โดยนายชัชชาติกล่าวว่า สิ่งสำคัญในการเปลี่ยนเมืองด้านคน ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 1.การทำให้คนเห็นแก่ส่วนรวม ซึ่งการออกกฎต่างๆ ของกทม.สามารถทำได้ แต่เป็นการยากที่จะนำมาบังคับใช้ สิ่งที่จะทำให้เมืองดีขึ้นได้คือการให้คนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และเห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น เพื่อทำกทม.ให้ดี ซึ่งการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมไม่สามารถใช้กฎต่างๆ มาควบคุมได้ เพราะเป็นการบังคับ เชื่อว่าแนวทางหนึ่งที่จะทำให้คนมีความรับผิดชอบแก่ส่วนรวม ช่องทางของตํกต็อก ช่วยได้ เพื่อสื่อสารและปรับพฤติกรรมคนให้ดีขึ้น
2.ช่องทางตํกต็อก สามารถช่วยช่วยคนเล็กๆ ได้ ซึ่งหลังสถานการณ์โควิด-19 โลกเปลี่ยนไป คนจะสนใจที่คุณภาพ สินค้า ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ หากสามารถสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจได้ การค้าขายจะดีกว่าแบรนด์ใหญ่ โดยเฉพาะตลาดโบ๊เบ๊ คือตลาดแห่งหนึ่งที่มีข้อจำกัด เช่น มีการควบคุม มีเวลาเปิดปิด ขยายพื้นที่และลูกค้ายาก และไม่มีเสียงตอบรับถึงข้อดีข้อเสีย ซึ่งการนำร้านค้าย่านตลาดโบ๊เบ๊มาขายในช่องทางตํกต็อก สามารถลดข้อจำกัดดังกล่าวได้ ปัจจุบันพฤติกรรมผู้ซื้อเปลี่ยนไปซื้อของออนไลน์มากขึ้น ผู้ค้าจึงต้องมีการปรับตัว โดยความร่วมมือกับตํกต็อก ครั้งนี้ เชื่อว่ามีประโยชน์กับประชาชนและจะมีการพัฒนาต่อไป
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 11 ต.ค. 2566