(10 ต.ค. 66) ณ ห้องบางกอก ชั้น B2 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง: นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางสุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน และนายชนินทร์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีการศึกษา รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีการศึกษา สำนักการศึกษา เป็นวิทยากรบรรยายถึงความร่วมมือในการก้าวสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของกรุงเทพมหานคร ในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกรุงเทพมหานคร กับ TikTok โดยมีนายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกกรุงเทพมหานคร ร่วมดำเนินรายการ
โดยในปีที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้มีความร่วมมือกับTikTok เพื่อร่วมกันพัฒนากรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น เริ่มจากโครงการไม่เทรวม ซึ่งสามารถสร้างกระแสความตื่นตัวในสังคมได้เป็นอย่างดี สำหรับในปีนี้จะเน้นให้เห็นถึงการต่อยอดต่อโครงการเดิม เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับกรุงเทพมหานคร ด้วยการปักเสาหลัก 3 ต้น ภายใต้แนวคิด 3 Smart ทั้งเสาเศรษฐกิจ (Smart Economy) เสาสังคม – การศึกษา (Smart People) และเสาสิ่งแวดล้อม (Smart Environment) ดังนี้
● เสาต้นที่ 1 Smart Environment
นายพรพรหม ได้กล่าวถึงความเป็นมาของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมา กทม. ได้เริ่มต้นโครงการ “ไม่เทรวม” เพื่อส่งเสริมการแยกขยะของชาวกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถสร้างการตระหนักรู้และกระตุ้นให้ประชาชนเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันด้วยวิธีการง่าย ๆ โดยแยกขยะเศษอาหารและขยะทั่วไปออกจากกัน และมีการขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลโครงการดังกล่าวและมุ่งสู่เป้าหมายให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ด้วยสิ่งแวดล้อมดี ในส่วนของ TikTok ก็มีกลยุทธ์ด้าน Smart Environment ที่มุ่งเน้นในการสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมในกลุ่มเยาวชนไทย กรุงเทพมหานครจึงได้ร่วมมือกับ TikTok และเหล่าพันธมิตรเพื่อขยายความตระหนักรู้สู่ชุมชนในวงกว้างผ่านแนวทางการผลักดันการเพิ่มเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมบนแพลตฟอร์ม TikTok ส่งเสริมให้เหล่าครีเอเตอร์สร้างสรรค์คอนเทนต์ผ่านแคมเปญ #ไม่เทรวม Challenge โดยชวนสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับการแยกขยะเพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดและการรีไซเคิล ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการต่อยอดแคมเปญดังกล่าว นอกจากนี้ได้มีการเปิดตัวแคมเปญ “REact For Change ลองเปลี่ยนโลก” ซึ่งเน้นสื่อสารโครงการและประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคุณครูและนักเรียนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และ Eco-School ให้ร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวเอง เริ่มต้นจากในห้องเรียนไปจนถึงระดับโรงเรียน และขยายต่อไปถึงการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ด้วยแนวคิด 3 RE Challenge ประกอบด้วย “Refill” ชวนพก กระบอกน้ำ กล่องข้าว เน้นการเติมเพื่อลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง “Recheck” ชวนเช็กการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ “Recycle” ชวนแยกขยะประเภทต่าง ๆ ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และ Eco-School โดยนำคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์มานำเสนอผ่านช่อง TikTok พร้อมให้คุณครูบันทึกผลการแยกขยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อคำนวณการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งโรงเรียนที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด 10 อันดับแรก จะได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ เพื่อจะได้เป็นแบบอย่างให้แก่โรงเรียนอื่น ๆ ต่อไป สำหรับการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนไทยร่วมปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ผ่านคอนเทนต์รักษ์โลกบนแพลตฟอร์ม TikTok ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังแนวคิดการใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกลุ่มเยาวชนไทย และส่งเสริมความตระหนักรู้ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง อันจะนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในอนาคตด้วย
“กับ TikTok จริงๆแล้วร่วมงานกันมาตั้งแต่ต้นปี ในโจทย์การส่งเสริมให้คนแยกขยะในกรอบความร่วมมือ ซึ่งไม่ใช้กฎหมายบังคับ ตามนโยบายผู้ว่าฯเข้าใจว่าการแยกขยะหลายประเภทจะทำได้ยาก จึงขอให้แยกขยะเปียกกับขยะแห้งก่อน เพราะขยะเปียกเมื่อนำมาปนเปื้อนจะเป็นการลดมูลค่าขยะแห้ง จากนั้นTikTokได้ช่วยออกแบบแคมเปญและมีinfluencer ช่วยผลักดัน ทำให้ #ไม่เทรวม มียอดรวมวิวมากกว่า 111 ล้านวิว แคมเปญต่อมาคือREact For Change ร่วมกับ3 พันธมิตร ให้ครูเป็นผู้นำในการแยกขยะ ทำคลิปเชิญชวนและจะมีการประเมินผลในอนาคตต่อไป” นายพรพรหม กล่าว
● เสาต้นที่ 2 Smart People
นายชนินทร์ กล่าวว่า กทม. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาผู้เรียนสู่พลเมืองโลก จึงเน้นการสร้างทักษะการรู้เท่าทันสื่อ (media literacy) เพื่อให้สามารถใช้สื่ออย่างปลอดภัยและมีวิจารณญาณ ปัจจุบันมีนักเรียนไม่น้อยที่ใช้ TikTok ในการสร้างและเสพคอนเทนต์ ดังนั้น การนำ TikTok มาประยุกต์ในการเรียนรู้ จะทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้แบบ Edutainment หรือเรียนรู้คู่ความบันเทิง ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนเกิดทักษะทางดิจิทัล สามารถในการเข้าใจ เข้าถึง และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Digital literacy) รวมถึงจะทำให้ครูและนักเรียนสามารถอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องการรู้เท่าทันสื่อได้อย่างดี สามารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างมีคุณภาพ โดย กรุงเทพมหานคร และ TikTok ได้ร่วมกันเปิดห้องเรียนคอมพิวเตอร์ จำนวน 109 ห้อง ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป) จำนวน 109 โรงเรียน มีนักเรียนรวมกว่า 35,000 คน แบ่งแนวทางการดำเนินการเป็น 3 ระยะ ได้แก่
แนวทางระยะสั้น จะใช้การจัดกิจกรรมภายในโรงเรียน ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2566 โดยจะมีการจัดกิจกรรมเริ่มเปิดตัว สร้างการรับรู้ และสร้างการจดจำภายในโรงเรียน จำนวน 1 โรงเรียน และให้มีถ่ายทอดสดผ่านทางระบบ Zoom ไปยังห้องแล็บคอมพิวเตอร์ทั้ง 109 โรงเรียน เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Interactive ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น พร้อมทั้งจะมีการเชิญนักสร้างคอนเทนต์ชื่อดัง (Content Creator) ของทาง TikTok มาบรรยายให้ความรู้นักเรียนเกี่ยวกับการเป็น Content Creator อย่างไรโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย
แนวทางระยะกลาง เป็นการจัดกิจกรรม School Tour โดย TikTok Creator House แบบ Onsite ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ซึ่งจะให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่สนใจได้มาเข้าร่วมกิจกรรม โดยเป็นกิจกรรมการเรียนรู้นอกโรงเรียน เพื่อกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ คาดการณ์ว่าจะจัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2566 เป็นต้นไป
สุดท้ายคือแนวทางระยะยาว ซึ่งเป็นการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยกรุงเทพมหานครมีแผนจัดทำแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ (e-learning) ใช้ชื่อว่า Portal Bangkok Education เพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างคอนเทนต์ด้านการศึกษา โดยจะนำเนื้อหา กิจกรรม คอนเทนต์ หรือสื่อที่นักเรียนสร้างขึ้นมาไว้บนแพลตฟอร์มดังกล่าวซึ่งเป็น e-learning ของ กทม. เพื่อให้ผู้เรียน ผู้สอน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา สามารถนำสื่อต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร และ TikTok จะจัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ร่วมกัน โดยให้ครูนำคอนเทนต์มาใช้และต่อยอดให้สามารถตอบตัวชี้วัดการเรียนรู้ในวิชาวิทยาการคำนวณต่อไป
“กรุงเทพมหานครได้ดำเนินนโยบายเรื่อง Smart Education ตามนโยบายของผู้ว่าฯชัชชาติ โดยการปรับปรุงคุณภาพห้องเรียนไปพร้อมกับการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ในส่วนของความร่วมมือตามแนวทางSmart people เรียนดีกับ TikTok จะเป็นการดำเนินการเพื่อสร้างให้นักเรียนเป็น Content Creater ที่สามารถใช้สื่อได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการทำให้ผู้เรียนเป็น Smart peopleได้นั้นจะสามารถทำให้ผู้เรียนมีศักยภาพในการเป็นพลเมืองของโลกที่มีคุณภาพ ในยุคดิจิทัลท่ามกลางความผันผวนของโลก รวมถึงการเตรียมพร้อมเรื่องของจิตใจควบคู่ไปด้วย เช่น การเรียนรู้การเคารพสิทธิตนเองและผู้อื่น ซึ่งการร่วมมือกับTikTokถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการทำงาน” นายชนินทร์ กล่าว
● เสาต้นที่ 3 Smart Economy
นางสุขวิชญาณ์ กล่าวถึงที่มาของการ Kickoff “โบ๊เบ๊ TikTok Shop” ว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตปทุมวัน สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และสำนักงานเขตดุสิต ได้ร่วมกันดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ คลองผดุงกรุงเกษม จัดระเบียบการค้าตลาดโบ๊เบ๊ใหม่ บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษมสะพาน 1-4 โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักการโยธา ดำเนินการจัดระเบียบความเรียบร้อย รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และร้านค้าแผงลอย ตรวจสอบแนวเขตที่ดิน แนวรังวัด เพื่อตรวจสอบว่าที่ดินสาธารณะอยู่บริเวณใด มีแนวอาคารของประชาชนส่วนไหนที่รุกล้ำหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้เส้นทาง โดยเฉพาะช่วงกลางวันซึ่งมีปัญหาจราจรติดขัด รวมถึงผู้อาศัยบริเวณนั้นเองก็มีร้องเรียนเช่นกัน
การจัดระเบียบผู้ค้าบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม มีวัตถุประสงค์เพื่อคืนทางเท้าให้กับประชาชน ให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัยในการสัญจร และทำให้ตลาดมีความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากพ่อค้าแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊ในการจัดระเบียบร้านค้าใหม่เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เพื่อการปรับปรุงภูมิทัศน์ฝั่งริมคลองผดุงฯ ให้สวยงาม คืนพื้นที่สาธารณะให้คนส่วนใหญ่ กทม. ยังได้มีการจัดโซนถนนคนเดินช่วงกลางคืนฝั่งตรงข้ามคลองผดุงฯ จากการสอบถามความเห็นประชาชน ร้อยละ 90 เห็นด้วย และอยากเห็นเมืองสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
สำหรับจุดจัดระเบียบตลาดโบ๊เบ๊ จากการสำรวจรายชื่อพบว่ามีผู้ค้ารวม 719 ราย อยู่ในสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 534 ราย สำนักงานเขตปทุมวัน 110 ราย สำนักงานเขตดุสิต 75 ราย โดยบริเวณคลองผดุงกรุงเกษม เป็นจุดที่ กทม. กำลังดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ ซึ่งการเดินหน้าปรับปรุงภูมิทัศน์ในครั้งนี้ก็ทำให้กรุงเทพมหานครได้รับทราบถึงปัญหาการค้าขายของผู้ประกอบการในตลาดโบ๊เบ๊มากยิ่งขึ้น
“ปัจจุบันวิถีชีวิตในการค้าขายเปลี่ยนไป ไม่เหมือนในสมัยก่อน เนื่องจากพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคจากการนิยมเดินทางมาซื้อของด้วยตนเอง กลายเป็นนิยมซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น กรุงเทพมหานครจึงมีนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยร่วมกับ TikTok สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านค้าสามารถค้าขายโดยเปิดร้านค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง ณ วันนี้ ผู้ค้าในย่านโบ๊เบ๊ – มหานาค ได้นำร่องสมัครเข้ามาร่วมเปิดร้านกับ TikTok มากกว่า 100 ร้านค้า และทาง TikTok ก็ได้เตรียมที่จะจัดอบรมและให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนจนสามารถเปิดร้านได้ พร้อมเตรียมสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้แก่ผู้ค้าเหล่านี้ นับว่าความร่วมมือครั้งนี้ ทำให้หน่วยงานราชการ ประชาชน ตลอดจนผู้ประกอบการ ได้รับผลประโยชน์ทุกฝ่าย โดยกรุงเทพมหานครในฐานะหน่วยงานราชการสามารถจัดระเบียบพื้นที่ได้ ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ทั้งยังมีช่องทางการเลือกซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ทำให้การซื้อสินค้าสะดวกยิ่งขึ้น และผู้ประกอบการก็มีช่องทางในการค้าขายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสามารถสร้างฐานลูกค้ารายใหม่ได้อีกด้วย” นางสุขวิชญาณ์ กล่าว
—————————