ตั้งคณะทำงานแก้กม.คุมตึกสูงใหญ่ในซอยแคบ
ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 9 ต.ค. น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวภายหลังร่วมหารือกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. เรื่อง ข้อเสนอนโยบายสภาองค์กรของผู้บริโภค กรณีการสร้างอาคารขนาดใหญ่ในซอยแคบที่เข้าข่ายขัดต่อกฎหมาย ว่า จากการยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม. เพื่อขอให้ กทม.ทบทวนและยุติการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ในซอยแคบ พร้อมยื่นข้อเสนอจัดทำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงได้นัดหารืออีกครั้งเรื่องข้อร้องเรียนจากชุมชนซอยประดิพัทธ์ 23 ซอยพหลโยธิน 37 และซอยรัชดาภิเษก 44 ซึ่งมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ในซอยแคบ และมีความกว้างของถนนไม่ถึง 6 เมตร ไม่สามารถสร้างอาคารขนาดใหญ่ หรืออาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตร.ม. ถึง 10,000 ตร.ม.ได้ตามกฎหมายควบคุมอาคารกำหนด รวมถึงการหารือเรื่องการจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 ปี 2562
น.ส.สารีกล่าวว่า จากการหารือได้ข้อสรุปว่า เรื่องการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ในซอยแคบ กทม.จะนำไปทบทวนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายควบคุมอาคาร โดยจะตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาแก้ไขกฎหมายควบคุมอาคาร หรือข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เป็นไปตามสภาพความจริงในปัจจุบัน สอดคล้องกับลักษณะของเมืองมากขึ้น ส่วนเรื่องผังเมืองได้ข้อสรุปว่าจะนัดหารือกับกรรมการพิจารณาร่างผังเมืองรวมร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภคและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม
ด้านนายชัชชาติกล่าวว่า ได้รับเรื่องและมอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมอาคาร ผู้อำนวยการเขต ผู้อำนวยการสำนักการโยธา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดูแลข้อร้องเรียน และปัญหาเกี่ยวกับผังเมืองที่เกิดขึ้น โดยตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกทม.กับสภาองค์กรของผู้บริโภคเพื่อดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อร้องเรียนโครงการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ในซอยแคบ ตามเอกสารจากสภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุถึง โครงการในประดิพัทธ์ ซอย 23 จะมีการก่อสร้างอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 219 ห้อง ที่จอดรถ 68 คัน คิดเป็นประมาณร้อยละ 31.05 โครงการในซอยพหลโยธิน ซอย 37 จะมีการก่อสร้างอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 230 ห้อง ที่จอดรถ 80 คัน คิดเป็นประมาณร้อยละ 34.78 และโครงการย่านรัชดาภิเษก ซอย 44 จะมีการก่อสร้างอาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 530 ห้อง ที่จอดรถ 150 คัน คิดเป็นประมาณร้อยละ 28.3
โดยทั้ง 3 โครงการมีประเด็นปัญหาเรื่อง ความกว้างของถนนไม่ถึง 6 เมตร ไม่สามารถสร้างอาคารขนาดใหญ่ หรืออาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตร.ม. ถึง 10,000 ตร.ม. ได้ รวมถึงข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งขาดการรับฟังจากชุมชนโดยรอบ ทำให้ชุมชนใกล้เคียงได้รับผลกระทบเรื่องอาคารบังแดด บังลม และกังวลเรื่องไฟไหม้ เพราะขนาดของถนนเข้าออกไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด อาจส่งผลต่อการเข้าถึงพื้นที่ของรถดับเพลิง จึงขอให้กทม.ในฐานะหน่วยงานท้องถิ่น ระงับขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างทั้ง 3 โครงการดังกล่าว เพื่อทำการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องความกว้างทางสาธารณะ เรื่องสิ่งแวดล้อม ลักษณะกายภาพของชุมชน โดยพิจารณาจากบริบทของชุมชน และการพัฒนาของเมืองเป็นหลัก
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 10 ต.ค. 2566