นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษก กทม. เปิดเผยว่า กทม.ได้กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในโรงเรียนในสังกัด และศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน โดยมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ให้มีเพียงพอครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งบริเวณรอบโรงเรียน พื้นที่การใช้งานในโรงเรียน จุดอับต่างๆ โดยกำชับต้องตรวจสอบการใช้งานให้เป็นปกติเสมอ อีกทั้งจะเพิ่มจุดในห้องเรียนด้วย ในลักษณะเพิ่มระบบวิเคราะห์ภาพพิสูจน์บุคคลยืนยันตัวตนของผู้ปกครองที่จะเข้ามาในบริเวณโรงเรียนทุกจุดทางเข้า-ออก รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเครื่องมือการรักษาความปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังต้องมีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ให้รัดกุม เหมาะสม จัดพื้นที่ให้เป็นเขตปลอดอาวุธ ห้ามไม่ให้บุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง รวมถึงผู้มาติดต่อในโรงเรียน มีหรือครอบครองสาร เสพติดทุกประเภทที่กฎหมายระบุ
โฆษก กทม. ระบุด้วยว่า เตรียมติดตั้งระบบเตือนภัยในจุดที่เหมาะสม เพื่อแจ้งเตือนเป็นส่วนรวมเมื่อเกิดเหตุการณ์บุกรุกในลักษณะเดียวกับการแจ้งเหตุเพลิงไหม้ และจัดให้มีประตูทางออกฉุกเฉินของสถานศึกษาและศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นจากช่องทางปกติ รวมถึงจัดซักซ้อม อบรม ชี้แจงการเผชิญเหตุฉุกเฉินทุกภาคเรียน หรืออย่างน้อย 6 เดือน/ครั้ง โดยเฉพาะเส้นทางการออกจากพื้นที่เกิดเหตุ และจัดทำ ลูกศรชี้ทิศทางการอพยพเคลื่อนย้ายเด็กนักเรียน
ทั้งนี้ เพื่อความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นในสถานศึกษา กทม.กำหนดมาตรการให้โรงเรียนสังกัดถือปฏิบัติและประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง โดยให้ ผอ.เขต หัวหน้าฝ่ายการศึกษา หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม บุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนอาสาสมัครกวดขันย้ำเตือน และกำกับดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัย ตามอำนาจหน้าที่เคร่งครัด
ตลอดจนประสานชุมชนบริเวณใกล้เคียงให้มีส่วนร่วมช่วยกันสร้างความปลอดภัย เพื่อสร้างแนวร่วมการแจ้งเตือนทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังเหตุฉุกเฉิน.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 11 ต.ค. 2566 (กรอบบ่าย)