สภา กทม.ออกข้อบัญญัติ-ส่งกฤษฎีกาตีความก่อน
สภา กทม.เห็นชอบร่างข้อบัญญัติรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า และให้ฝ่ายบริหารส่งกฤษฎีกาตีความกรอบอำนาจ ก่อนประกาศเดินหน้าสู่เป้าหมายสร้างกรุงเทพฯเมืองไร้มลพิษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภา กทม. เมื่อวันที่ 4 ต.ค.66 ที่ผ่าน มานายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ สก.เขตยานนาวา ในฐานะ ประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติ กทม. เรื่องรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะพ.ศ…..ได้ รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อให้ที่ประชุมสภา กทม. พิจารณาในวาระที่สองและวาระที่สาม เพื่อควบคุมปริมาณสารมลพิษที่ออกจากรถยนต์ไม่ให้เกินเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อประชาชน จึงเห็นควรมีมาตรการกำหนดให้รถโดยสารประจำทางปรับปรุงเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ไม่ส่งผลกระทบต่อมลภาวะทางอากาศ บังคับใช้ใน กทม. จึงจำเป็นต้องตราข้อบัญญัติ กทม. ทั้งนี้ ได้มีการเผยแพร่ร่างข้อบัญญัติฉบับนี้เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านระบบกลางทางกฎหมาย (http://www.law.go.th) แอปพลิเคชัน Google form และรับฟังความคิดเห็นเป็นหนังสือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กรมการขนส่งทางบก บริษัทขนส่ง จำกัด และ ขสมก. ทั้งนี้สภา กทม.ได้มีหนังสือไปถึงฝ่ายบริหาร กทม. เกี่ยวกับร่างข้อบัญญัติกทม.ฉบับนี้ว่าถูกต้องหรือไม่ และ กทม.มีอำนาจหน้าที่ในการตราข้อบัญญัติฉบับนี้หรือไม่อย่างไรซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ได้มีหนังสือตอบกลับว่าจะได้นำเรื่องนี้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา และจะแจ้งผลการพิจารณาให้สภา กทม.ทราบต่อไป
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่ผ่านมาการเปลี่ยนรถในส่วนที่ กทม.ดูแลเองให้เป็นรถไฟฟ้า ฝ่ายบริหารไม่ขัดข้องและพร้อมที่จะดำเนินการ แต่ในเรื่องรถโดยสารนี้ได้มีการสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเนื่องจาก กทม.เองก็ยังไม่แน่ใจในกฎหมายบางฉบับ จึงได้สอบถามไปยังกฤษฎีกาอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลจะออกมาในทิศทางไหนฝ่ายบริหารก็พร้อมที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ที่ประชุมสภา กทม.มีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติ กทม.เรื่องรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ พ.ศ…..ในวาระสองและวาระสามเป็นเอกฉันท์และจะส่งให้ฝ่ายบริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป.
ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 6 ต.ค. 2566