EAขานรับมติสภากทม.! สยายปีกอีโคซิสเต็มEV

“พลังงานบริสุทธิ์” ตีปีกรับมติสภากรุงเทพมหานคร เปลี่ยนรถเมล์สันดาป เป็นไฟฟ้าทั้งเมือง ภายใน 7 ปี สอดรับมติครม.ก่อนหน้านี้ EA เร่งส่งมอบปีนี้กว่า 2 พันคัน พร้อมเข้าร่วมประมูลรถเมล์ไฟฟ้าขสมก.อีก 1.2 พันคัน Q3/66 เพิ่มสัดส่วนส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้าให้กลุ่มโลจิสติกส์นอกกลุ่มอีเอเพิ่มขึ้น โบรกฯ มองส่งผลดีหุ้น EA และ NEX รวมทั้งกลุ่มสถานีชาร์จรถไฟฟ้า อย่าง OR และ PTG

จากกรณีที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 4 ต.ค. มีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า (EV) หรือ รถเมล์ไฟฟ้า เพื่อลดมลภาวะ ในวาระ 2 และวาระ 3 เป็นเอกฉันท์ โดยให้เปลี่ยนรถเมล์ทั้ง กทม. เป็น EV ทั้งหมดภายใน 7 ปี ที่เสนอโดย สก.พรรคก้าวไกล ด้วยคะแนนเสียง 30:0

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ถือว่าเป็นข่าวดีของบริษัท และบริษัทในเครือ แต่มองระยะเวลาน่าจะกระชับมากกว่านี้ เหลือแค่ 5 ปีก็พอ เพื่อเร่งให้มีการเปลี่ยนผ่านจากรถเมล์สันดาปเป็นรถเมล์อีวี

สอดคล้องกับก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะของภาคเอกชน (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้เป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า รวม 71 เส้นทาง บริษัทมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ทั้งในส่วนของสภาพอากาศ คุณภาพชีวิต และความทันสมัยต่าง ๆ ที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารได้มากขึ้น ซึ่งกุญแจสำคัญหลักคือต้องรักษาระดับราคาให้คงที่ เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค

ปัจจุบันรถเมล์ในกทม. จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ จากทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. และจากทางเอกชน ที่มีการประมูลเส้นทางเดินรถ รวมกันแล้วประมาณ 6,000 คัน ในปี 2566 บริษัทวางเป้าจะส่งมอบได้อีกประมาณ 1,800-2,000 คัน

โดยในส่วนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เองยังต้องรอ TOR ออกมา เนื่องจากเพิ่งเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ คาดว่าจะมีการเรียกประมูล 1,200 คัน ซึ่งทางบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าไปร่วมประมูลด้วย

สำหรับสัดส่วนการส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้า ในไตรมาสที่ 3/2566 ของบริษัทในกลุ่มโลจิสติกส์ (นอกกลุ่มบริษัทในเครือของ EA) จะเพิ่มขึ้นเป็น 80-90% จากเดิม 20-30%  โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD บริษัท มนตรีทรานสปอร์ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมส่งหนังสือร้องเรียนไปยัง คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อขอให้ทบทวนเกณฑ์การพิจารณาโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ในรูปแบบ FiT สำหรับปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง 3,668.5 เมกะวัตต์ เฟสสอง

โดยมองว่า การลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในเดือน ต.ค. 2566 ยังไม่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น

ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)หรือKCS กล่าวว่า มติของสภาฯ กทม.ที่เห็นชอบให้เปลี่ยนรถเมล์สันดาป เป็นอีวีทั้งหมด จะส่งผลเชิงบวกต่อหุ้น EA และ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศขณะนี้ ที่จะได้รับดีมานด์เพิ่มขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ยังจะส่งผลดีต่อกลุ่มสถานที่ชาร์จรถไฟฟ้า อย่างเช่น OR ที่อยู่ระหว่างการเพิ่มสถานีเพื่อรองรับ รวมทั้ง PTG ที่เน้นด้านรถบรรทุก

รายงานข้อมูล Revfinitiv consensus ประมาณรายได้ของ EA ในปี 2566 ที่ 35,471.75 ล้านบาท กำไรสุทธิ 82,44.53 ล้านบาท และราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 75.95 บาท (จาก 4 โบรกเกอร์)

 

 

ที่มา:  นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 6 ต.ค. 2566

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200