กรุงเทพมหานคร ร่วมกับประชาคมคนพิการกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่าย จัดเวที “เสียงจากคนพิการเส้นเลือดฝอยกรุงเทพมหานคร” (คนพิการเส้นเลือดฝอยอินแอ็คชั่น) ขึ้นเพื่อเป็นกลไกให้ประชาคมคนพิการเพื่อคนกรุงเทพมหานครได้มีเวทีในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงความคิดเห็น และได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้าง และร่วมขับเคลื่อน ระหว่างเส้นเลือดฝอยคนพิการ/เครือข่ายคนพิการและกรุงเทพมหานครในการพัฒนานโยบายคุณภาพชีวิตคนพิการ รวมทั้งร่วมตัดสินใจด้วยเหตุผลและข้อตกลงร่วมกันของคนพิการ เพื่อการฟังเสียงคนพิการเพื่อคนพิการ ตามแนวคิดหลักการ “ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเราต้องมีเรา (Nothing about us without us)”
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า คนที่รู้เรื่องดีที่สุดว่าคนพิการต้องการอะไรก็คือคนพิการเอง การจะขับเคลื่อนนโยบายด้านคนพิการให้ดีที่สุดจึงต้องมาจากการมีส่วนร่วมของคนพิการ วันนี้ถือเป็นเวทีแรกของประชาคมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญมากๆ เพราะลำพังเพียงภาครัฐทำ 5 ดี วันหนึ่งอาจมีบางด้านที่แผ่วไปได้ แต่หากมีประชาคมที่เข้มแข็งงานทุกๆ ด้านก็จะเดินหน้าต่อเนื่องไปได้ สิ่งที่เราทำคือการแบ่งงานด้านคนพิการออกเป็น 5 ด้าน 5 ดี ซึ่งในการขับเคลื่อนแต่ละดี ผู้ว่าฯ ชัชชาติได้ให้แนวทางไว้ว่าจะต้องประกอบไปด้วย 4 เกลียว คือภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ซึ่งในวันนี้มีภาคประชาสังคมมาเติม การที่มีครบ 4 เกลียวมาช่วยกันทำงานจะทำให้งาน 5 ดีเพื่อคนพิการมีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืนในอนาคต
งบประมาณต่างๆ ของ กทม.ที่ใช้ลงไปพัฒนาเพื่อคนพิการจะทำทุกด้านควบคู่กันไป แต่การมีประชาคมคนพิการเส้นเลือดฝอยจะทำให้รู้ได้ว่าสิ่งไหนจุดไหนที่จำเป็นเร่งด่วนและตรงตามความต้องการของคนพิการ ทั้งในเรื่องของ Universal Design เรื่องการจ้างงานคนพิการจะต้องให้ภาคเอกชนผู้ประกอบการเข้ามาร่วมด้วยมากขึ้นรวมถึงเรื่องอาชีพของคนพิการ ไม่ได้เป็นการซื้อด้วยความสงสารแต่คนซื้อเพราะสินค้า มีคุณภาพ รวมถึงเรื่องการสร้างสรรค์ศิลปะต่างๆ จะเห็นว่าคนพิการมีฝีมือมากขาดเพียงเวทีและพื้นที่แสดงออก อีกเรื่องเร่งด่วนต้องทำจากนี้คือเรื่องเรียนดี โดยจัดอบรมครูการศึกษาพิเศษให้สามารถรองรับเด็กนักเรียนที่พิการเข้ามาเรียนรวมในโรงเรียนสังกัด กทม.ได้ และทำเชิงรุกร่วมกับประชาคมฯ เพื่อค้นหาเด็กและผู้พิการที่ยังตกหล่นให้เข้ามาในระบบ เพื่อจะได้เรียนหนังสือและเข้าถึงสิทธิ์ต่างๆ อย่างทั่วถึง
“กรุงเทพมหานครมีนโยบายให้ความสำคัญกับเส้นเลือดฝอยในการพัฒนาเมืองร่วมกัน การทำกรุงเทพฯ ให้น่าอยู่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน ต้องดูแลและสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนทุกกลุ่ม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการในกรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ระบบ จะต้องทำให้เขาเหล่านั้นเข้าถึงสิทธิ์ต่างๆ ที่พึงมีพึงได้ซึ่งในวันนี้กลุ่มคนพิการเส้นเลือดฝอยได้ขยับมาเป็น “ประชาคมคนพิการกรุงเทพมหานคร” ที่จะร่วมกันทำงานเพื่อคนพิการถือว่าเป็นความก้าวหน้าอีกระดับหนึ่ง กรุงเทพมหานครจะร่วมขับเคลื่อนนโยบาย 5 ดี ด้านคนพิการ ตามเจตนารมณ์ “ร่วมคิด ร่วมทำร่วมสร้าง และร่วมขับเคลื่อน” ที่ประชาคมฯ ร่วมกันเสนอต่อไป”
สำหรับการจัดเวที “เสียงจากคนพิการเส้นเลือดฝอย ได้รับการสนับสนุนจาก สสส.ครบทั้งนโยบาย 5 ดี เพื่อสร้างความเข้าใจและเปลี่ยนทัศนคติของสังคมที่มีต่อคนพิการเกิดการสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เกิดสังคมแห่งความสุขสังคมที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน (Inclusive Society) เช่น ด้านเศรษฐกิจดี: ร่วมกับภาคีช่วยขับเคลื่อนการจ้างงานคนพิการในสำนักงานเขต กทม. ด้านสุขภาพดี ส่งเสริมกิจกรรมทางเลือกการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคนพิการ ผ่านกิจกรรม เช่น 70 วันมหัศจรรย์ของฉัน งานวิ่งด้วยกัน กิจกรรมร่วมระหว่างคนพิการและครอบครัว ด้านเรียนดี: ส่งเสริมการศึกษาเด็กพิการอย่างเท่าเทียม ผ่านงานคนพิการเรียนไหนดี เสริมทักษะเพื่อมุ่งสู่การมีงานทำผ่านโครงการ inclusive workplace (IW) ด้านโครงสร้างและเดินทางดี : สนับสนุนการเดินทางและ Application เมืองใจดี เสนอเครื่องมือในการเก็บข้อมูลสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและเผยแพร่ทางเว็บไซต์ สสส.ยินดีสนับสนุน โอกาสการมีงานทำของคนพิการและส่งเสริมเครือข่ายภาคประชาสังคมคนพิการกรุงเทพมหานครให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน
ด้านนายภาณุมาศ สุขอัมพร ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
กล่าวว่า จุดประสงค์ในครั้งนี้ ต้องการสร้างเครือข่ายคนพิการเส้นเลือดฝอยใน กทม.และพัฒนานโยบายคุณภาพชีวิตคนพิการอย่างจริงจัง ผ่านกลไกประชาคมคนพิการกทม. ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกำหนดข้อตกลงร่วมกัน ภายใต้แนวคิด ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้าง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกเนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีการรับฟังความคิดเห็นและเปิดการมีส่วนร่วมของผู้พิการอย่างจริงจัง ทำให้การกำหนดนโยบายของ กทม.ไม่ตรงจุด หลังจากรวบรวมและสรุปผลการระดมความคิดเห็นที่ทุกฝ่ายกำหนดร่วมกันแล้ว จะนำเสนอต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปกำหนดนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เชื่อว่าจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการใน กทม.ได้มากขึ้น
ที่มา: นสพ.สยามรัฐ ฉบับวันที่ 28 ก.ย. 2566