ปัญหาหมาแมวเร่ร่อนไม่ได้เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของน้องหมาเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบเมือง และความเป็นอยู่ที่ดี (Well Being) ของคนในสังคมด้วยเช่นกันผลกระทบด้านความสวยงามและสุขอนามัยของบริเวณที่อยู่อาศัยของมนุษย์ บริเวณที่มีหมาจรจัดแออัดมักจะประสบกับปัญหาลักษณะเดียวกัน น้องๆ หมาจรขับถ่ายไม่เป็นที่ เห่าหอนเสียงดัง วิ่งไล่กัด คุ้ยขยะ ปัญหาเหล่านี้สร้างความรำคาญใจให้กับคนในชุมชน และทำให้ชุมชนขาดความเป็นอยู่ที่ดีด้วย การมีสถานที่ดูแลสุขภาพ ช่วยเหลือควบคุมหมาแมวจร และดำเนินการหาบ้านใหม่ให้เป็นอีกแนวทางแก้ปัญหา
ชวนมาติดตามความคืบหน้าการเปลี่ยนศูนย์สัตว์จรประเวศ เป็น “บ้านน้องหมาน้องแมวชั่วคราว” บนเนื้อที่ 13 ไร่ เพื่อหาครอบครัวสุดท้ายให้น้อง ซึ่งตามแผนศูนย์แห่งนี้จะแล้วเสร็จสิ้นเดือนกันยายนนี้ โดย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) เมื่อวันก่อน โดยมีนายจิรัฏฐ์ ม้าไว ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม., พญ.ภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รอง ผอ.สำนักอนามัย, นสพ.ศิษฏ์พล เอี่ยมวิสูตร์ ผอ.สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข, ผู้แทนจากสำนักการโยธา, ผู้แทนบริษัทผู้รับจ้าง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมคณะและให้ข้อมูล
รศ.ทวิดา กมลเวชช กล่าวว่า เป็นการตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างในส่วนต่างๆ รวมถึงดูในรายละเอียดและเงื่อนไขที่เกี่ยวกับการอุปการะสัตว์ด้วย เพราะเรากำลังจะปรับกลไกการบริหารจัดการศูนย์พักพิงสัตว์จรจัด ให้เป็นศูนย์ Adoption รับดูแลน้องหมาน้องแมวชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อหมุนออก โดยจะเปิดให้ประชาชนสามารถรับอุปการะน้องๆ กลับไปดูแลต่อไป
สำหรับการปรับปรุงโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) ประกอบด้วย อาคารสำนักงานกลุ่มงานควบคุมและพักพิงสุนัข 1 หลัง, อาคารคอกเลี้ยงสุนัข 18 หลัง รองรับสุนัข 1,000 ตัว, อาคารคอกเลี้ยงแมว 3 หลัง รองรับแมว 300 ตัว, อาคารเก็บอาหาร 1 หลัง และอาคารและเตาเผาสุนัข 1 หลัง โดยโครงการมีความคืบหน้าคิดเป็นร้อยละ 98.97 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย.66
จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม รองผู้ว่าฯ กทม.ได้กำชับให้เร่งดำเนินการในเรื่องการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ การระบายความร้อนบริเวณคอกสุนัขและแมว เช่น การติดตั้งพัดลมระบายอากาศ รวมถึงให้มีการเก็บข้อมูลในเรื่องการเผาซากอย่างถูกวิธีในระยะเวลาและอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ใกล้เคียงน้อยที่สุด
นอกจากนี้ ยังให้พิจารณาในเรื่องของการก่อสร้างต่อเติมรั้วกันเสียง โดยหากจะทำจะต้องมีความรอบคอบ ต้องใช้ข้อมูลต่างๆ ประกอบก่อนดำเนินการอย่างถี่ถ้วน ทั้งเรื่องความสูงรั้วตามกฎหมาย ความสูงรั้วที่สามารถกันเสียงที่อาจจะไปรบกวนพื้นที่ใกล้เคียงได้ รวมถึงต้องดูในเรื่องของทิศทางลม อีกทั้งยังให้มีการตรวจสอบระบบน้ำประปา/น้ำเสียในพื้นที่ เพื่อไม่ให้รบกวนพื้นที่ใกล้เคียงหรือเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมแนะนำในเรื่องคุณภาพชีวิตน้องหมาน้องแมว เช่น ควรมีการติดตั้งกันสาดยื่นออกมาเพิ่มเติมเพื่อกันแดดและฝนที่อาจสาดมาถึงน้องๆ ด้วย.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 24 ก.ย. 2566