ยันรอรบ.ชี้ขาดตั๋วรถไฟฟ้าสีเขียว

ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่าต้องรอนโยบายรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร ที่ กทม.ต้องตัดสินใจมีเรื่องเดียวคือการเก็บเงินส่วนต่อขยายส่วนที่สอง ซึ่งได้มีการเตรียมเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่ต้องรอดูภาพรวมนโยบายของรัฐบาลว่าจะลดค่าโดยสารหรือไม่เก็บเงิน ส่วนภาระหนี้ที่มีอยู่ตอนนี้ต้องดูในแง่กฎหมายว่าจะจ่ายเท่าไหร่ จ่ายอย่างไร ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงว่ามีการเดินรถจริงในช่วงส่วนต่อขยาย แต่การจ่ายเงินก็มีกระบวนการต่างๆ

ข้อดีคือคณะกรรมการวิสามัญซึ่งสภากรุงเทพมหานครตั้งขึ้นอยู่ระหว่างการพิจารณา เพราะสุดท้ายแล้วต้องให้สภากรุงเทพมหานครเห็นชอบในการนำเงินงบประมาณมาใช้ ทั้งการก่อหนี้ผูกพัน และการจ่ายขาดเงินสะสม คาดว่าจะสรุปผลได้ในสัปดาห์หน้า และจะทำให้กทม.ดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปได้ รวมถึงต้องหารือกับรัฐบาลด้วย เนื่องจาก กทม.เป็นหนี้รัฐบาล 3 ส่วน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน O&M และ E&M ซึ่งกทม.ไม่ได้นิ่งนอนใจ เชื่อว่าในอนาคต ภาคเอกชนจะมีบทบาทสำคัญในการลงทุน และรัฐจะสนับสนุนบางส่วน โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้การเดินรถทำได้เร็ว

ส่วนการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน นายชัชชาติกล่าวว่า เป็นการประชุมหัวหน้าหน่วยงานครั้งสุดท้ายของปีงบประมาณ 2566 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานในเรื่องต่างๆ โดยเรื่องสำคัญคือการตั้ง เป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 ประมาณ 22-23 เรื่อง ซึ่งจะเน้นที่สำนักงานเขตเป็นหลัก อาทิ ต้องมีการพัฒนาถนนสวยระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร ในแต่ละเขต ปลูกต้นไม้เพิ่มอีกประมาณ 153,000 ต้น เพิ่มสวน 15 นาที 153 แห่ง ปรับปรุงทางเท้ากว่า 1,000 กิโลเมตร ติดตั้ง/ซ่อมไฟฟ้าส่องสว่างให้ได้ 71,878 ดวง ติดตั้ง/ซ่อมไฟฟ้าส่องสว่างริมคลอง 9,078 ดวง ยุบรวม/ยกเลิกพื้นที่หาบเร่แผงลอยนอกจุดผ่อนผัน 107 แห่ง พัฒนาพื้นที่ Hawker Center 32 แห่ง แก้ไขจุดเสี่ยงน้ำท่วม 212 จุด จุดจราจรฝืด 145 แห่ง จุดเสี่ยงอุบัติเหตุ 139 แห่ง และจุดเสี่ยงอาชญากรรม 95 แห่ง

นอกจากนี้ ยังมีอัพเดตเพิ่มในเรื่องของการแยกขยะ ซึ่งปัจจุบันกทม.แยกขยะได้ค่อนข้างดี จึงมีเป้าหมายให้แต่ละเขตแยกขยะให้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งการตั้งเป้าหมายเช่นนี้จะทำให้เขตทำงานได้ง่ายขึ้น ส่วนวิธีการทำให้ถึงเป้าหมาย แต่ละเขตจะดำเนินการแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาทำได้ค่อนข้างดี

ขณะที่ผลการดำเนินโครงการ “ไม่เทรวม” ตั้งแต่เดือนธ.ค.2565-เดือนก.ค.2566 มีผู้ร่วมโครงการ 1,430 แห่ง โดยมีสัดส่วนดังนี้ ร้านอาหาร 21.51% สถานศึกษา 15.72% ห้างสรรพสินค้า 24.80% และ ซูเปอร์มาร์เก็ต/มินิมาร์ท 24% ทั้งนี้ โครงการสามารถลดขยะไปได้ 77.5 ตัน/วัน ปริมาณมูลฝอยลดลง 328.23 ตัน/วัน ขยะอินทรีย์ (คิดเป็น 50% ของมูลฝอยทั้งหมด) ลดลง 164.12 ตัน/วัน ซึ่งขยะที่ลดลงไปนั้นสามารถประหยัดงบประมาณการจัดเก็บขยะใน 1 ปี ได้ประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากความร่วมมือกันของทุกฝ่ายในการแยกขยะ

 

 

ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 8 ก.ย. 2566

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200