แซ่ดจ่อปลด’ทวิดา’พ้นรองผู้ว่าฯ-‘ภิมุข’เต็งเสียบแทน
ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 7 ก.ย. รายงานข่าวจากกทม.แจ้งว่า ภายหลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. รับทราบข้อเท็จจริง ในเรื่อง การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรเทาสาธารณภัย ที่น.ส. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. สั่งให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กลับไปทบทวนความคุ้มค่าและขั้นตอน การก่อสร้างที่ถูกต้องและมีประโยชน์กับประชาชน ซึ่งสปภ.ได้ดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสร็จเรียบร้อยแล้วและ ผลการพิจารณาทบทวนได้ผ่านความเห็นชอบจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า เนื่องจากแผนการก่อสร้างเดิมที่ จ.นครปฐม มีปัญหาเรื่องผังเมือง ซึ่งเป็นเขตผังเมืองพื้นที่สีเขียวและสีเหลือง ไม่ใช่ผังเมืองเขตส่วนราชการสีน้ำเงินตามที่เคยเข้าใจ รวมถึงติดข้อจำกัดอื่นๆ เช่น หากไปก่อสร้างนอกพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องได้รับอนุญาตจาก สภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) และการส่งกำลังคนไปฝึกในต่างจังหวัดไกลเกินไป หากเกิดปัญหาเร่งด่วนอาจเรียกกำลังคนกลับมาไม่ทันการณ์ ทำให้ผู้ว่าฯ กทม. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปทบทวนโครงการและย้ายมาก่อสร้างที่ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร (หนองจอก) บนพื้นที่ 42 ไร่ ทดแทน
รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้สำนักการโยธา (สนย.) อยู่ระหว่างชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการยกเลิกโครงการดังกล่าว ขณะเดียวกันสนย. ได้เตรียมจัดสรรพื้นที่ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร (หนองจอก) ใหม่ โดยภายในพื้นที่จะมีทั้งสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร สนามบางกอกอารีน่า หนองจอก โรงเรียนกีฬาของกรุงเทพมหานคร ศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรเทาสาธารณภัย สถานีดับเพลิงและกู้ภัย ศูนย์บริการสาธารณสุข
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากเรื่องดังกล่าวนอกจากจะเป็นเหตุผลให้ผู้ว่าฯ กทม. พิจารณาปรับเปลี่ยนตัวรองผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ แล้ว ยังมีปัญหาการทำงานระหว่างตัวข้าราชการกับรองผู้ว่าฯ กทม. รายนี้ ทำให้มีข้าราชการหลายคนอึดอัดใจในการทำงานด้วย เนื่องจากเน้นการทำงานด้านวิชาการมากเกินไป แต่ในทางปฏิบัติ งานวิชาการ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะต้องอาศัยประสบการณ์ ความชำนาญ และการประสานงานจากหน่วยงานภายนอก ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อีกทั้งในแต่ละพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกันด้วย เช่น การสั่งให้สปภ.ไปสำรวจพื้นที่เสี่ยงเพลิงไหม้ โดยไม่ได้มีการพิจารณาจากสถิติการเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ของการเกิดเพลิงไหม้ คือ ไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อจุดใดที่มีการใช้ไฟฟ้า จุดจุดนั้นถือเป็นความเสี่ยงเพลิงไหม้ทั้งหมด จึงควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหมั่นตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและสายไฟฟ้า
อีกประเด็นหนึ่งคือ แม้กระทั่งการสั่งงานให้ผอ.เขต รวบรวมข้อมูลพื้นฐาน เพื่อนำลงแผนที่ความเสี่ยง ทั้งๆ ที่ข้อมูลนั้นมีการประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว ทำให้การทำงานมีความซ้ำซ้อน ตลอดจนใช้วาจาไม่เหมาะสม ทำให้ข้าราชการหลายคนเอือมระอากับพฤติกรรมดังกล่าวและไปหารือกับฝ่ายการเมืองหลายคน
ทั้งนี้ คาดว่า นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. จะเข้ามานั่งตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. แทน น.ส.ทวิดา นอกจากนี้คาดว่า ผู้ว่าฯ กทม. จะปรับเปลี่ยนตัวทีมงานฝ่ายการเมืองใหม่ทั้งหมดไปในคราวเดียวกัน โดยเฉพาะทีมที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ที่ยังต้องหาคนมาแทน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ที่จะไปนั่งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรมว.กลาโหมในเร็วๆ นี้ด้วย อย่างไรก็ตามบรรดา ข้าราชการกทม.ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการปรับเปลี่ยนตัว รองผู้ว่าฯ กทม.กันอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 8 ก.ย. 2566