ปลัดกทม.สั่งย้ายนายช่างโยธาลาดกระบัง-ตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรง เผยพบขรก.โยธาเอี่ยวทุจริต 40 เคสเร่งสืบ
วันที่ 6 ก.ย.2566 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.2 ดินแดง นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพ มหานคร แถลงภายหลังกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เข้าจับกุมนายวิโรจน์ อิริยะโพธิ์งาม อายุ 59 ปี ตำแหน่งนายช่างโยธาอาวุโส สำนักงานเขตลาดกระบัง ตามความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” พร้อมของกลางเงินสด 5 หมื่นบาท ได้ห้องทำงานฝ่ายโยธา สำนักงานเขตลาดกระบัง เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกทม. ได้ลงนามคำสั่งกรุงเทพมหานคร 2748/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และ คำสั่งกรุงเทพมหานคร 2749/2566 ให้ข้าราชการรายดังกล่าวช่วยราชการ ที่ กองแผนงานและสาธารณูปโภค สำนักการโยธา (สนย.) ซึ่งเป็นกองที่ไม่ได้สัมผัสกับประชาชน และในวันที่ 6 ก.ย. ปลัดกรุงเทพมหานคร จะลงคำสั่ง พักราชการข้าราชการรายดังกล่าว ตามมาตรา 85 กฎสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการ กรุงเทพมหานครและบุคลากรของกรุงเทพมหานคร (ก.ก.) พ.ศ.2565 โดยกำหนดเวลาไม่เกิน 120 วัน และยืดระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน
ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับโยธา 40 เรื่อง แบ่งเป็นเรียกรับสินบนการขอใบอนุญาต 12 เรื่อง ใน 10 เขต/ การก่อสร้างต่อเติมรื้อถอนอาคารที่ผิดกฎหมาย แต่ หน่วยงานดำเนินการ ล่าช้า 7 เรื่อง / ปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลที่สาธารณะ 2 เรื่อง / การบริหารงานบุคคล การแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ได้บรรจุ 1 เรื่อง / การนำทรัพย์สินทางราชการไปใช้ส่วนตัว 1 เรื่อง และ เรื่องอื่นๆ เช่น ปรับปรุงพื้นถนนบริเวณทางลอดอุโมงค์ล่าช้า ป้ายขนาดใหญ่ยื่นนอกอาคาร,การลงชื่อเข้างานแทนกัน และทอดทิ้งหน้าที่ราชการ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบข้อเท็จจริง หากเข้าข่ายทุจริต จึงจะส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) หากไม่เข้าข่ายทุจริต แต่มีความผิดทางวินัย จะเสนอผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) ดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ จากข้อมูลแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านทราฟฟี่ฟองดูว์ ตั้งแต่ ก.พ.- ส.ค.2566 มีจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 206 เรื่อง เกี่ยวกับเรื่องของโยธา 40 เรื่อง / เทศกิจ 39 เรื่อง / รักษาความสะอาด 36 เรื่อง และเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ทราบ สายงานอีก 32 เรื่อง ซึ่งจะเร่งสืบข้อเท็จจริง ส่งเรื่องดำเนินการ ตามขั้นตอนต่อไป
นายเฉลิมพล กล่าวต่อว่า สำหรับนายวิโรจน์ เดิมทีอยู่เขตห้วยขวาง จากนั้นในปี 2549-54 ได้ย้ายมาเขตลาดกระบัง พอมาปี 2560 ได้ย้ายกลับมาอยู่เขตห้วยขวาง ปี 2561 ย้ายไปเขตลาดกระบังอีก พอปี 2564 ย้ายไปเขตวังทองหลาง ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน กลับมาอยู่เขตลาดกระบัง ในตำแหน่งนายช่างโยธาอาวุโส ซึ่งกรณีที่มี เจ้าหน้าที่บริหารงานที่เดิมเป็นเวลานานๆ หรือย้ายไปแล้ว กลับมา ดังนั้นจึงจะเสนอผู้บริหารพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา ป้องกัน การทุจริตในลักษณะนี้ โดยเฉพาะการอยู่นาน และโยกย้าย รวมถึงระบบการขออนุญาต ที่ต้องมีการปรับแก้ไข ไม่ให้ใช้ดุลพินิจ และเจอกับผู้ขออนุญาตเพียงสองคนต้องมีทีมเฉพาะในการดูแลเรื่องการเซ็นใบอนุญาตด้วย
ด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ประชาชนมีการร้องเรียนไปทาง ป.ป.ท.ผ่าน โทรสายด่วน 1206 และช่องทางหน่วยงานปราบปรามทุจริตแห่งอื่น ซึ่งทาง กทม.มีสายด่วน 1555 แต่ประชาชนไม่เชื่อใจในการติดต่อทางนี้ กทม.จึงมีการปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง นอกจากนี้ กทม.ยังมีทราฟฟี่ฟองดูว์ในการรับแจ้งเรื่องราวทุจริต ขณะเดียวกันจะหารือผู้ว่าฯกทม.ให้มีหมายเลขตรงนอกเหนือจากช่องทางดังกล่าว ซึ่งจะเป็นระบบปกปิดข้อมูลของผู้แจ้ง และจะส่งเข้า ศปท.กทม.โดยตรง
“อย่ากลัวที่จะให้ชื่อ และเบอร์โทรติดต่อกลับ เพราะ กทม.มีการดำเนินการปราบปรามทุจริตอย่างรวดเร็ว ไม่มีการช่วยเหลือลูบหน้าปะจมูกกัน” ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.กล่าว
พล.ต.อ.อดิศร์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้มีการเสนอกับ นายเฉลิมพล ผ่านไปยังการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน ในการเปลี่ยนกฎระเบียบการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยากให้มีการรับผิดชอบตามลำดับชั้น หรือการเอาผิดกับผู้บังคับบัญชา เช่นเดียวกับตำรวจ ที่ปล่อยให้มีการปล่อยปละละเลย
“หัวหน้าฝ่ายโยธามีส่วนรู้เห็น หรือไม่ ทราบขั้นตอนให้บริการประชาชนหรือไม่ ทำไมถึงใช้ระยะเวลาการอนุญาตเนิ่นนาน มีการแนะนำประชาชนอย่างไร เรื่องพวกนี้ต้องมีการบันทึกเลขรับหนังสือ และต้องตอบกลับหนังสือให้ประชาชนได้ทราบถึงเหตุผล ถ้าช้าจากความบกพร่องให้ดำเนินการทางวินัย ถ้าช้าจากการเรียกรับผลประโยชน์ให้ดำเนินคดีอาญา สิ่งเหล่านี้ต้องให้ ผู้บังคับบัญชาระดับ ผอ.เขตต้องเข้ามาสอดส่องดูแล” ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. กล่าว
บรรยายใต้ภาพ
พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี-เฉลิมพล โชตินุชิต
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 7 ก.ย. 2566