Search
Close this search box.
รายงานพิเศษ: ฤๅ ‘ศูนย์ฝึกกู้ภัย กทม.’ จะเป็นแค่ฝัน 20 ปี ยังว่างเปล่า

นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร (สปภ.กทม.) กล่าวถึงการผลักดันให้เกิดศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ว่า ในปีงบประมาณ 2565 สปภ.ได้รับงบประมาณ วงเงิน 51,530,000 บาท เพื่อเริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัย กทม.บริเวณ ต.ท่าตลาดอ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นที่ติดแม่น้ำนครชัยศรี เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ 3 งาน86 ตารางวา และมีการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีงบประมาณ 2566 สำหรับงานเตรียมงานและงานรื้อถอน งานสาธารณูปโภค อาคารที่พักขยะ อาคารหอเก็บน้ำ อาคารหอพักอาคารจอดรถดับเพลิง อาคารบรรยายสรุปภาคสนาม สถานีฝึกดับเพลิงพฤติกรรมต่างๆและสถานีฝึกกู้ภัยทางน้ำ และได้รับงบประมาณดำเนินการในระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ2566 – 2568) เป็นเงิน 1,600,000,000 บาทโดยได้รับงบประมาณปี 2566 เป็นเงิน1,000,000 บาท เพื่อก่อสร้างอาคารประเภทต่างๆ เพิ่มเติม

ซึ่งปัจจุบันสำนักการโยธา กทม.ได้รายงานผลการพิจารณาและขออนุมัติสั่งจ้างโครงการฯ กับบริษัท เอกชน ระยะที่ 1 เป็นเงิน 634,000,000 บาท กำหนดงานแล้วเสร็จภายใน 900 วัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร หากได้รับอนุมัติแล้วจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ เพื่อใช้เป็นสถานที่ให้บริการฝึกอบรมด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในหลักสูตรต่างๆ ตลอดจนใช้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแหล่งศึกษาค้นคว้าด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อีกทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยของกทม.รองรับเหตุสาธารณภัยด้านต่างๆ ที่นับวันจะมีความหลากหลายรุนแรงเพิ่มขึ้น อาทิ แผ่นดินไหว อาคารถล่ม อุทกภัย เป็นต้น

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่ามีการอนุมัติงบประมาณในการดำเนินการไว้แล้วแต่กลับยังไม่มีความชัดเจนว่าตกลงแล้ว

โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้จริงมากน้อยแค่ไหนซึ่งโดยปกติแล้วกรุงเทพมหานครจะมีการจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการจัดฝึกอบรมดับเพลิงราวๆ 80-100 ล้านบาทต่อปี

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ทุกปี กทม.จะส่งเจ้าหน้าที่ นักดับเพลิงไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยราชประชา อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ใช้ระยะเวลาฝึกประมาณ 6 เดือน เน้นเรื่องความอดทน ระเบียบวินัย, หลักสูตรวิชาดับเพลิงและกู้ภัย เช่น ดับเพลิงอาคารสูง ชุมชนบ้านเรือน บนเครื่องบิน ดับเพลิงแก๊สน้ำมัน,วิชากู้ภัยประเภทต่างๆ เช่น กู้ภัยสารเคมีที่สูง พื้นที่อับอากาศ กู้ภัยทางน้ำ ทางบก,หลักสูตรการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นรวมถึงการฝึกหลักสูตรการบัญชาการเหตุการณ์ ทั้งนี้มีการส่งนักดับเพลิงกว่า 1,800 คน เข้าฝึกทบทวนความรู้ทักษะต่างๆ พัฒนาความรู้ด้านวิชาการและเทคโนโลยีใหม่ ในสถานการณ์ใหม่ๆ

ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีอัตรากำลังของนักดับเพลิงเพียง 1,800 คน เมื่อเทียบกับกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งมีประชาชนและพื้นที่ใกล้เคียงกับกทม.มีนักดับเพลิงถึง 6,800 คน กทม.จึงจำเป็นต้องใช้อาสาสมัคร แต่ปัญหาคือ อาสาสมัครไม่ได้รับการฝึกตามมาตรฐาน จึงมีความผิดพลาด และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง รวมถึงส่วนใหญ่อาสาสมัครจะช่วยงานดับเพลิงเมื่อว่างจากงานประจำ

สำหรับการวางแผนการก่อสร้างศูนย์นี้นั้น นายธีรยุทธ เล่าว่า กทม.วางแผนก่อตั้งศูนย์ฯตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งได้รับการโอนภารกิจมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและมีการผลักดันเรื่องนี้เรื่อยมาจนถึงปี2554 มีการจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วิจัยออกแบบการก่อตั้งศูนย์ที่ ต.ท่าตลาดอ.สามพราน จ.นครปฐม บนพื้นที่ 57 ไร่ 3 งาน 86 ตารางวา แล้วเสร็จในปี 2558 โดยใช้งบวิจัยกว่า 36 ล้านบาท มีแผนสร้างระยะแรกปี 2563 โดยใช้ชื่อว่า ศูนย์ฝึกภัยในเขตเมือง โดยมีจุดประสงค์ พัฒนาบุคลากรให้เป็นครูฝึกมาตรฐาน บริหารจัดการอาสาสมัคร ทำการฝึกเฉพาะทางให้ผู้ประกอบการ ชุมชน เยาวชน โรงเรียนและหน่วยงานอื่นๆ เพื่อเข้าใจการรับมือสาธารณภัยอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ไม่ควรเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างการสร้างศูนย์ฝึกจำนวนรวมกว่า 3 พันล้านบาท กับการส่งคนไปฝึกปีละ 100 ล้านบาท เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัยและชีวิตประชาชนเมืองหลวงแต่ละประเทศจำเป็นต้องมีศูนย์ฝึกของตนเองเพื่อการต่อยอดหลากหลาย

ด้านนายไสว โชติกะสุภา สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตราษฎร์บูรณะ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ของสำนักเทศกิจ สำนักการจราจรและขนส่ง และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวถึงเหตุผลในการชะลอโครงการก่อสร้างดังกล่าว ว่า เราพบรายละเอียดก่อสร้างอาคาร บ้านพักอาศัยรวมถึงโครงสร้างและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งผิดหลักผังเมืองของ จ.นครปฐมหาก กทม.ยืนยันสร้างตามแผน ต้องเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.นครปฐมถึงเหตุผลความจำเป็นในการแก้ผังเมืองให้กทม.สามารถดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้ซึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะผังเมืองมีมาก่อนที่กทม.จะมีแผนดำเนินโครงการ ประกอบกับประชาชนมีความกังวลเรื่องมลพิษ สิ่งแวดล้อม เกรงว่าการก่อตั้งโครงการจะทำให้คุณภาพอากาศโดยรวมในพื้นที่แย่ลง เป็นปัญหาที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ แนวทางเดียวคือชะลอการก่อสร้างจนกว่าจะตกลงแก้ผังเมืองได้สำเร็จ

ส่วนเรื่องงบประมาณก่อสร้าง ที่ผ่านมา 2-3 ปี ยังไม่มีความเห็นชอบจากสภากทม. ปัจจุบันมีแผนนำเรื่องเข้าสภา กทม.เพื่อพิจารณาขอตั้งงบประมาณโครงการในระยะแรกแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการ ทั้งนี้ หากสร้างในพื้นที่ จ.นครปฐม ไม่ได้เพราะไม่ได้รับการแก้ผังเมืองจากหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ กทม.ต้องยกเลิกก่อสร้างโครงการใน จ.นครปฐม แล้วหาพื้นที่ใน กทม.เพื่อสร้างทดแทน ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังไม่มีกรอบเวลา แผนและความชัดเจนใดทั้งสิ้น สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ฯ มีมูลค่าดำเนินการระยะแรก 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2563-2567 จำนวน 685,300,000 บาทประกอบด้วย ปี 65 จำนวน 51,530,000 บาท ปี 66 จำนวน 494,470,000 บาท ปี67 จำนวน 137,300,000 บาท โดยการก่อสร้างหลัก คือ อาคารปฏิบัติการและส่งเสริมสมรรถภาพร่างกาย อาคารจอดรถดับเพลิง อาคารคลังวัสดุ อาคารบริการอาคารบรรยายสรุปภาคสนาม 3 หลัง

 

 

ที่มา:  นสพ.สยามรัฐ ฉบับวันที่ 31 ส.ค. 2566

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200