กทม.เดินหน้าเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอด LED พร้อมระบบ IOT

นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม.กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนในพื้นที่เขตดุสิตมีไฟฟ้าส่องสว่างชำรุดหลายจุดว่า สนย.ได้ดำเนินการจ้างซ่อมแซมไฟฟ้าสาธารณะในพื้นที่เขตที่รับผิดชอบของศูนย์ก่อสร้างและบูรณะถนน 3 ส่วนก่อสร้างและบูรณะ 2 เริ่มสัญญาวันที่ 1 เม.ย.66 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 29 ก.ค.66 โดยเปลี่ยนหลอดไฟ HPS (High Pressure Sodium) เป็นหลอดไฟ LED (Light Emitting Diode) พร้อมระบบ IOT รวมทั้งสิ้น 3,365 ชุด ในพื้นที่เขตดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตราชเทวี เขตพญาไท เขตบางซื่อ เขตจตุจักร เขตหลักสี่ และเขตดอนเมือง โดยในพื้นที่เขตดุสิตได้ติดตั้งไปแล้วทั้งสิ้น 482 ชุด ในพื้นที่ชุมชนทั้งหมด 58 ซอย อย่างไรก็ตาม สนย.จะประสานสำนักงานเขตดุสิตเร่งรัดสำรวจตรวจสอบและแก้ปัญหาไฟส่องสว่างในพื้นที่ชุมชนเขตดุสิตที่ยังไม่ได้เปลี่ยนโคมไฟฟ้าเป็นหลอดไฟ LED เพื่อขอจัดสรรงบประมาณดำเนินการในปี 2567 ต่อไป

กทม.จัดเทศกิจกวดขันจัดระเบียบผู้ค้าบนทางเท้าถนนมหาจักร

นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม.กล่าวกรณีสื่อออนไลน์โพสต์ภาพและข้อความระบุบริเวณถนนมหาจักร เขตสัมพันธวงศ์ มีผู้ค้าตั้งวางสินค้าบนทางเท้า กีดขวางทางสัญจรว่า บริเวณถนนมหาจักร เขตสัมพันธวงศ์ ไม่ใช่จุดผ่อนผัน สนท.ได้ประสานสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์และสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจเฝ้าระวังตรวจตรา กวดขัน และบังคับการตามกฎหมาย ขณะเดียวกันได้ประชาสัมพันธ์ ตักเตือนผู้ค้า หากพบผู้ฝ่าฝืนให้จับกุมดำเนินคดี ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 อย่างเคร่งครัดทุกรายต่อไป
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบเมืองให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางทั้งบนผิวจราจรและทางเท้าสาธารณะ โดยเฉพาะการค้าขายหาบเร่แผงลอยในทางเท้าสาธารณะ ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจตรา กวดขัน ไม่ให้มีการฝ่าฝืนขาย หรือจำหน่ายสินค้าในที่ หรือทางสาธารณะ เว้นแต่ในบริเวณ หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนด โดยได้ประชุมซักซ้อมและชี้แจงให้ทุกสำนักงานเขตยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

เขตคลองเตย – กอ.รมน.กทม.ร่วมกวดขันการจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายในที่สาธารณะ

นางเบญญา อินทรวงศ์โชติ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย กทม.กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนบริเวณซอยนานาและย่านสุขุมวิท มีผู้ค้าชาวต่างด้าวนำสินค้าประเภทเซ็กส์ทอยมาวางขายริมทางเท้าว่า สำนักงานเขตคลองเตยร่วมกับเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ลุมพินี ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบผู้ค้าจำนวน 1 ราย วางแผงจำหน่ายสินค้าประเภทเซ็กส์ทอย อุปกรณ์สร้างความสุขทางเพศร่วมกับสินค้าประเภทอื่น ๆ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะ อยู่นอกจุดผ่อนผันให้ทำการค้า เจ้าหน้าที่เทศกิจจึงดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องและเปรียบเทียบปรับตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ส่วนกรณีชาวต่างด้าวนำสินค้าประเภทเซ็กส์ทอยและอุปกรณ์สร้างความสุขทางเพศ ซึ่งกฎหมายไทยยังไม่อนุญาตให้จำหน่าย มาวางขายโดยเปิดเผย สำนักงานเขตฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ ได้กำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจสอบกวดขันผู้ค้าบริเวณถนนสุขุมวิทและบริเวณซอยสุขุมวิท 4 เป็นประจำทุกคืน เพื่อป้องปรามไม่ให้ฝ่าฝืนจำหน่ายสินค้าประเภทเซ็กส์ทอย อุปกรณ์สร้างความสุขทางเพศในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

เขตปทุมวันเร่งสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกรณีต้นไม้ริมถนนโค่นทับรถแท็กซี่

นางสาวสุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาเร่งรัดช่วยเหลือเยียวยาคนขับรถแท็กซี่ที่รถได้รับความเสียหายจากกรณีต้นไม้ขนาดใหญ่ริมถนนราชดำริล้มทับรถว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 12.30 น. โดยต้นไม้โค่นล้มทับรถแท็กซี่บริเวณทางเท้าด้านข้างห้างเกษรพลาซ่า ถนนราชดำริ หลังเกิดอุบัติเหตุผู้อำนวยการเขตปทุมวัน พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือและนำรถยนต์คันดังกล่าวส่งเข้าอู่ซ่อมรถ พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่คันดังกล่าวทราบถึงขั้นตอนการเรียกร้องค่าเสียหายและแจ้งให้ยื่นคำร้อง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น

ในส่วนของสำนักงานเขตฯ ได้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอน เพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย โดยตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 18 ก.ค.66 ดำเนินการสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงกรณีต้นไม้โค่นล้มจนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย จากการสอบสวนฯ สรุปได้ว่า เนื่องจากส่วนที่ผุของต้นไม้อยู่ใต้ดิน ไม่สามารถมองเห็นได้ ประกอบกับมีลมพัดแรง ทำให้ต้นไม้โค่นล้ม หลังจากนั้นจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพื่อพิจารณาค่าเสียหายตามที่ผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องให้เป็นไปตามที่ราชการกำหนด มีระยะเวลาการสอบสวนไม่เกิน 60 วันนับแต่วันที่ประธานกรรมการรับทราบคำสั่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้ หลังจากนั้นจะรายงานผลการสอบสวนให้ปลัดกรุงเทพมหานครทราบ พร้อมทั้งส่งรายงานผลการสอบสวนและสำนวนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณา ทั้งนี้ เมื่อทราบผลการพิจารณาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว กทม.จะต้องดำเนินการตามคำพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต่อไป