ทีมข่าวเฉพาะกิจ
ผ่านแล้วเรียบร้อย ไร้อุปสรรค สำหรับวาระแรก พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งสภากรุงเทพมหานครเปิดไฟเขียวพร้อมเพรียงในการประชุมสภา กทม. สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม ครั้งที่ 4 ประจำ
www.facebook.com/ScoopMati ปีพุทธศักราช 2566 เมื่อ 26 กรกฎาคมที่ผ่าน ณ อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง
จำแนกเป็นประมาณการรายรับ 90,946.23 ล้านบาท ประกอบด้วยประมาณการรายรับของ กทม. 90,000 ล้านบาท และประมาณการรายรับของการพาณิชย์ กทม. 946.23 ล้านบาท ประมาณการรายจ่าย 90,819.48 ล้านบาท ประกอบด้วย ประมาณการรายจ่ายของ กทม. 90,000 ล้านบาท และ
[email protected] ประมาณการรายจ่ายของการพาณิชย์ กทม. 819.48 ล้านบาท
แจงยิบ ดีเทลย่อย ก่อนไฟเขียวฉลุยยกแรก
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. เผยว่า ร่างข้อบัญญัติฯที่ได้เสนอเข้าสู่สภา กทม.เพื่อพิจารณารับหลักการในวาระที่หนึ่ง ประกอบด้วย งบประมาณตามนโยบายด้านเดินทางดี จำนวน 7,913 ล้านบาท คิดเป็น 38.48% ด้าน[email protected] ปลอดภัยดี จำนวน 1,700 ล้านบาท คิดเป็น 8.2% ด้านโปร่งใสดี จำนวน 82 ล้านบาท คิดเป็น 0.4% ด้านสิ่งแวดล้อมดี จำนวน 7,137 ล้านบาท คิดเป็น 34.71% ด้านสุขภาพดี จำนวน 2,664 ล้านบาท คิดเป็น 12.96% ด้านเรียนดี จำนวน 488 ล้านบาท คิดเป็น 2.37% ด้านเศรษฐกิจดี 36 ล้านบาท คิดเป็น 0.17% ด้านสังคมดี จำนวน 285 ล้านบาท คิดเป็น 1.39% และด้านบริหารจัดการดี จำนวน 258 ล้านบาท คิดเป็น 1.25% นอกจากนี้ ยังจัดสรรงบประมาณเพื่อลงสู่เส้นเลือดฝอย ครอบคลุม 50 เขต อีกจำนวน 3,356 ล้านบาท และหากจำแนกงบประมาณตามลักษณะงานและลักษณะรายจ่าย พบว่าเป็นการจัดบริการของสำนักงานเขต สูงสุดถึง 22.85%
สำหรับงบประมาณปี’67 หากแยกตามหน่วยงาน ระดับสำนัก มีจำนวน 54,713,217,100 บาท งบกลาง 14,718,825,400 บาท และสำนักงานเขต 20,567,957,500 บาท สำนักที่ขอจัดสรรมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ สำนักการโยธา 11,563 ล้านบาท สำนักการระบายน้ำ 8,936 ล้านบาท และสำนักสิ่งแวดล้อม 7,579 ล้านบาท กลุ่มเขตที่ขอจัดสรรงบประมาณสูงสุดตามลำดับ คือ กลุ่มเขตกรุงเทพฯตะวันออก 4,744 ล้านบาท คิดเป็น 23% กลุ่มเขตกรุงเทพฯเหนือ 3,296 ล้านบาท คิดเป็น 16% กลุ่มเขตกรุงเทพฯใต้ 3,371 ล้านบาท คิดเป็น 16% กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ 3,231 ล้านบาท คิดเป็น 16% กลุ่มเขตกรุงธนใต้ 3,055 ล้านบาท คิดเป็น 15% และกลุ่มเขตกรุงเทพกลาง 2,870 ล้านบาท คิดเป็น 14%
ราว 6 โมงเย็น ฤกษ์งามยามดี ที่ประชุมสภา กทม.มีมติเห็นชอบรับหลักการร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ด้วยคะแนน 45 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง จากที่ประชุมทั้งหมด 45 คน พร้อมตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ จำนวน 45 คน โดยคณะกรรมการวิสามัญฯมีเวลาพิจารณา 45 วันทำการ ให้พิจารณาแล้วเสร็จภายในวันที่ 8 กันยายน 2566
ส.ก.รุมถก ขุดอดีตโครงการล่าช้าขอเพิ่มอัตราบุคลาการ
ย้อนไปก่อนเปิดไฟเขียว เหล่าสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ได้ร่วมอภิปรายเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณของ กทม.ในด้านต่างๆ อย่างเข้มข้น อาทิ
พีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท กล่าวว่า งบปีนี้จะได้ใช้ตามนโยบายของผู้ว่าฯปัจจุบันมากขึ้น โดยนโยบายที่เห็นว่าควรยกขึ้นมาทำก่อน ได้แก่ นโยบายการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนโดยจัดทำจุดจอดรถจักรยานเพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง นโยบายการเพิ่มรถเมล์สายหลักและสายรอง โดยรถเมล์สายรองจะทำให้ประชาชนเชื่อมต่อกับระบบหลักได้และเป็นการใช้งบที่ไม่มาก นโยบายการจัดตั้ง Command center โดยจัดสรรงบเพื่ออุดหนุนหน่วยงานอื่น เมื่อดำเนินการไปแล้วต้องติดตามการใช้จ่ายอย่างใกล้ชิด และนโยบายรถไฟฟ้าสายสีเขียวประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารต้องทำนโยบายให้ครบทุกข้อที่ประกาศไว้
วิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ ตั้งข้อสังเกตเพื่อเพิ่มความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับผู้ที่สัญจรบนทางเท้าและถนนในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยขอให้หน่วยงานของกรุงเทพมหานครได้บูรณาการการทำงาน ร่วมกัน และขอให้กรุงเทพมหานครได้ศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และเส้นทางเดินเรือคลองบางกอกใหญ่เพื่อส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวของฝั่งธนบุรี
สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา หรือ ดร.จอห์น ส.ก.เขตลาดกระบัง ร่วมอภิปรายเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 มาตรา 35 ได้กำหนดเรื่องการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้างของข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่นและลูกจ้าง ที่นำมาจากเงินรายได้ที่ไม่รวมเงินอุดหนุนและเงินกู้หรือเงินอื่นใดนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งจะกำหนดสูงเกินกว่าร้อยละ 40 ของงบประมาณท้องถิ่นนั้นไม่ได้
“ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี’61 เป็นต้น กทม.ใช้งบประมาณในส่วนนี้ไม่ถึงร้อยละ 40 ในแต่ละปียังมีส่วนต่างที่ยังไม่ได้ใช้หลายพันล้านบาท แต่พบว่าบุคลากรหลายส่วนของ กทม.ยังมีไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน จึงสอบถามการปฏิบัติงานของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ ก.ก. ว่ามีแนวทางการพิจารณาอย่างไร การแก้ปัญหาโดยใช้การจ้างเหมารายบุคคลที่ทำอยู่จะทำให้บุคลากรไม่ได้รับสวัสดิการ ส่งผลให้เกิดปัญหาสมองไหล และข้าราชการโอนย้าย ซึ่งสำนักงาน ก.ก.ต้องนำหลักวิธีการสรรหา วิธีการพัฒนา และวิธีการรักษามาใช้ในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ สำหรับวิธีการสรรหา คือเมื่อทราบจำนวนผู้ที่เกษียณอายุราชการให้สำรวจตำแหน่งว่างและเปิดสอบล่วงหน้า รวมถึงการลดเพดานมาตรฐานข้อสอบ วิธีการพัฒนาโดยอบรมและประเมินบุคลากรอย่างต่อเนื่อง วิธีการรักษาโดยการจัดหาสวัสดิการให้มีความมั่นคง ก้าวหน้าในอาชีพ เมื่อแก้ปัญหาได้งานจะได้ไม่โหลด” ดร.จอห์นกล่าว
เปิดญัตติเผ็ด ‘สำนักงานเขตปทุมวัน’ สร้างช้าค่าเช่าเดือนละ 1.5 ล้าน
นอกจากประเด็นเข้มข้นที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีปมเผ็ดลึก ญัตติร้อน เมื่อ สุทธิชัย วีรกุลสุนทร หรือเฮียล้าน ส.ก.เขตจอมทอง เสนอเรื่อง รายงานผลการพิจารณาขอขยายระยะเวลาดำเนินการผูกพันงบประมาณ จำนวน 18 โครงการ โดยได้กล่าวถึง ในการดำเนินก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตปทุมวัน ซึ่งปัจจุบันเช่าพื้นที่ อาคารไทยยานยนตร์
เฮียล้านกล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ได้เชิญสำนักงานเขตปทุมวันในโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตปทุมวัน งบประมาณที่ขอขยาย จาก 3 ปี เป็น 4 ปี 697,440,000 บาท
“เดิมปี 2565-2567 ขอขยายอีก 1 ปี เป็น 4 ปี คือ 2565-2568 เนื่องจากมีการเปลี่ยนแบบ จึงให้สำนักงานเขตได้ทำหนังสือยืนยันว่า สามารถดำเนินการได้ตามวงเงินงบประมาณก่อสร้าง
เราเห็นเหตุผลความจำเป็นในการให้สำนักงานเขตมีพื้นที่ของตัวเอง แต่ปีแล้วปีเล่าก็ไม่เสร็จสักที ไม่ทราบว่าเพราะอะไร เสียงแว่วๆ ว่ารองผู้ว่าฯเปลี่ยนแบบเป็นระยะๆ ไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เขาบอกอย่างนั้น เลยล่าช้า
ผมอยากฝากท่านประธานว่าต้องเร่งนะ ค่าเช่าเดือนหนึ่งเฉลี่ย เดือนละ 1,500,000 บาท ท่านประธานคิดดู คูณไปจากปีที่แล้วที่ผมอภิปรายในสภา ขอให้เร่งรัดในเรื่องนี้ท่านประธานคงจำได้ คูณไปได้เกือบ 20 ล้านต่อปี ขณะนี้ไปถึงไหน เขาบอกว่า ยังมีการปรับแบบอีกรอบหนึ่ง
ถ้าไปสำนักงานเขตปทุมวัน ถ้าไม่ใช่ท่านประธานไป แต่พี่น้องประชาชนไป ไม่มีที่จอด สำคัญที่สุด เรามีที่ของ กทม.สำหรับสร้างสำนักงานเขตแล้ว ทำไมไม่รีบ มันติดอะไร” เฮียล้านคาใจ
ช็อตนี้ ชัชชาติ ผู้ว่าฯกทม. ลุกขึ้นตอบด้วยตัวเอง โดยแจงว่า อาคารสำนักงานเขตปทุมวันมีการออกแบบมาตั้งแต่สมัยที่แล้ว โดยค้างต่อเนื่องมา
“ต้องเรียนว่าพื้นที่ดินตรงนี้เราซื้อมา 300 ล้าน แล้วมีการจะทำพื้นที่ เขตก็ออกแบบให้ทำ 9 ชั้น ใต้ดิน 2 ชั้น ก็งบประมาณที่ท่านสมาชิกได้แจ้งไป ประมาณ 700 ล้าน ตามหลักวิศวกรรมแล้ว คิดค่าเฉลี่ยต่อตารางเมตรแล้วแพงมาก เกือบ 60,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งสูงมากๆ นะ สำหรับอาคารสำนักงาน ดังนั้นต้องมีการปรับรูปแบบใหม่ ถ้าราคามันเกินความเป็นจริงไปเยอะ” นายชัชชาติกล่าว
จากนั้น วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในรายละเอียดว่า โดยรูปแบบที่มีการปรับปรุงกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร 15 ชั้น รวมชั้นดาดฟ้า และมีชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น ก็จะมีการเพิ่มที่จอดรถด้วย อย่างที่มีท่านสมาชิกสภากังวล เดิมจอดรถได้ 86 คัน ของใหม่ 144 คัน และมีที่จอดรถจักรยานยนต์อีก 100 คัน พื้นที่ใช้สอยจะเพิ่มขึ้นอีก 50 เปอร์เซ็นต์ จาก 12,000 ตารางเมตร เป็น 18,000 ตารางเมตร ค่าก่อสร้างเฉลี่ยก็จะถูกลงเหลือ 38,000 ตารางเมตร รวมกับครุภัณฑ์
“ขณะนี้โครงการก็อยู่ในขั้นตอนทบทวนแบบขั้นสุดท้าย และมีการประเมินราคากลาง คาดว่าน่าจะประกาศ e-Bidding ได้ประมาณสิ้นเดือนกันยายน” รองผู้ว่าฯวิศณุกล่าว
ด้าน เมธาวี ธารดำรงค์ สมาชิกกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กล่าวว่า อาคารหลังนี้ที่จะเกิดขึ้นก่อนคณะสมาชิกสภากับท่านผู้ว่าฯเข้ามาได้ทำแบบไว้ ก็ได้เฝ้าดูตลอด เพราะอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากว่าในขณะนั้นเราทำห้องใต้ดินหลายชั้น พอทำห้องใต้ดินหลายชั้นหลังจากใช้งานแล้วผลมันจะเกิดขึ้นมากมาย เลยต้องมาคิดใหม่ ทำแบบใหม่ เพิ่มชั้นขึ้นเป็น 15 ชั้น
“หลายท่านเป็นกังวลว่า ราคานี้จะทำได้ไหม เนื่องจากว่าชั้นใต้ดินมีต้นทุนสูงมาก พอลดชั้นใต้ดินค่าก่อสร้างก็จะลดลง เราถึงเพิ่มชั้นบนได้ ดังนั้นครุภัณฑ์หลายตัวถูกตัดบางส่วนออกไป เราใช้เท่าที่จำเป็น ตอนนี้ทำไปถึงไหนได้อย่างไร ได้ข่าวว่าท่านรองฯให้คำแนะนำตลอด ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงเป็นใยเขตปทุมวันเป็นอย่างยิ่ง เราจะได้รับการใช้งานในปีที่เรากำหนดเอาไว้ กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ห่วงใย” เมธาวีซึ้ง
คลองสาน ถามรัว ทวงถังขยะ-ดับเพลิง 3 รองผู้ว่าฯ แปะมือลุกตอบ
อีกหนึ่งความเผ็ดลึก มาจาก สมชาย เต็มไพบูลย์กุล ส.ก.เขตคลองสาน พรรคประชาธิปัตย์ รัวถามเรื่องราวหลากหลายในรายละเอียด ตั้งแต่การจัดซื้อครุภัณฑ์และพัสดุที่จัดซื้อเหมือนกันของชุมชน เช่น ถังขยะ เข่งขยะ ถังดับเพลิง และเครื่องเสียงตามสาย สามารถใช้งบประมาณโครงการจัดซื้อได้หรือไม่ หากจัดซื้อได้ควรแยกซื้อ หรือรวบรวมนำมาเสนอราคาด้วยวิธีประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ ตอบว่า สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ หัวใจของงบประมาณนี้อยากจะกระจายให้ทุนและชาวบ้านช่วยกันพิจารณาอยู่แล้ว แต่เนื่องด้วยการจัดซื้อจะต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ปี 2560 เพราะฉะนั้นจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่หน่วยงานได้ดำเนินการ แต่อย่างไรการจัดสรรทั้งหมด ถ้ามีงบประมาณที่เป็นหมวดเดียวกันหรือว่าตัวเดียวกัน แล้วได้งบประมาณในคราวเดียวกัน
สมชาย ส.ก.คลองสานกล่าวต่อไปว่า อยากทราบว่าทำไมการจัดซื้อถังขยะของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน จำได้ว่างบประมาณปี 2566 ซึ่งกรุงเทพมหานครก็ยังไม่มีการจัดซื้อถังขยะสักครั้ง และในกรณีแบบนี้ชุมชนจะซื้อได้หรือไม่
“ผมมีความข้องใจตรงนี้นิดหนึ่ง เมื่อไหร่ของเราจะซื้อได้ ก็เกิดคำว่าซ้ำซ้อนขึ้นมา อยากจะขอระยะเวลาการจัดซื้อของงบประมาณปี 2566 ที่เราตั้งงบไว้ด้วย”
ถึงคิว จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯรุ่นเก๋า ลุกตอบว่า เรื่องการจัดซื้อถังขยะงบประมาณปี 2566 ขณะนี้สำนักสิ่งแวดล้อมกำลังจัดซื้ออยู่ สำหรับการจัดซื้อครุภัณฑ์และวัสดุสามารถใช้งบจัดซื้อได้หรือไม่ ตอบว่า การจัดซื้อต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง ในส่วนของการจัดซื้อถังขยะซึ่งสอบถามมา อยู่ระหว่างการดำเนินการโดยสำนักสิ่งแวดล้อม ขณะนี้ได้ผู้รับจ้างแล้ว แต่หากชุมชนประสงค์ซื้อในวงเงิน 200,000 บาท ก็สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามการพิจารณาของคณะกรรมการในชุมชนเป็นหลัก กรณีไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน สามารถกันงบเหลื่อมปีได้หรือไม่นั้น เขตต้องประชุมชุมชนและจัดทำโครงการให้ได้ก่อน หากก่อหนี้ได้ก็เป็นอำนาจผู้ว่าฯกทม.พิจารณา แต่หากก่อหนี้ไม่ได้ต้องเสนอสภา กทม.ขอกันเหลื่อมปีต่อไป
“กรณีการจัดซื้อวงเงิน 2 แสน สามารถทำได้ไหม ตามหลักเกณฑ์สามารถทำได้ อยู่ที่ความต้องการของกรรมการชุมชน หรือว่าคณะกรรมการ ที่มีการพิจารณากันในชุมชนเป็นหลัก” รองผู้ว่าฯจักกพันธุ์กล่าว
จากนั้น ส.ก.สมชาย ยังถามในประเด็นถังดับเพลิงว่า ทราบว่ามีงบลงชุมชนเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ทราบว่าสำนักการวางแผนและพัฒนาเมือง (สวพ.) จัดซื้อตรงนี้ไปถึงไหน เพราะจะเกิดคำถามเดียวกันคือซ้ำซ้อน
รอบนี้ ผายมือไปที่ ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. ซึ่งให้คำตอบว่า ตัวถังดับเพลิงที่สั่งซื้อไปในล็อตที่กำลังจะมา ตอนนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างจำนวน 9,979 ถัง โดยมีเขตสวนหลวงขอเพิ่มเติมมาบ้างบางส่วน ทางสำนักงานเขตสามารถจัดซื้อได้ และเป็นขนาด 6A
สมชาย ส.ก.คลองสาน กล่าวต่อไปว่า เรื่องถังดับเพลิง เป็นห่วงมาก เนื่องจากเก็บไปหมดแล้ว
รองผู้ว่าฯทวิดาตอบให้อุ่นใจว่า ได้ทำแผนที่ถังดับเพลิง ตอนนี้ใกล้เสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ถังดับเพลิงที่คงอยู่ในชุมชนที่ปูพรมไว้ คงเหลืออยู่ในชุมชนโดยรวมแล้วทั้งหมดทั่วกรุงเทพมหานคร 28,931 ถัง จากการติดคิวอาร์โค้ดนี้จะทำให้เราเห็นช่องว่างของชุมชนที่เป็นชุมชนต่อมาตรฐาน 5 หลังคาเรือนต่อ 1 ถัง และได้เห็นช่องว่างของพื้นที่ความเสี่ยงของชุมชนแต่ละชุมชน
“ถังใหม่กว่า 9 พันถัง ที่กำลังไปติดตั้งนี้ จะไปพร้อมคิวอาร์โค้ดที่ระบุตำแหน่งของถัง ประเภทของถัง และการบำรุงรักษาครั้งล่าสุดของถัง และรวมถึงถังเดิมที่เคยติดอยู่ในชุมชน ด้านหลังจะมีคิวอาร์โค้ดที่สแกนถึงวิธีการใช้งานได้ของถังแต่ะละถัง มีการฝึกซ้อมชุมชน และฝึกซ้อมอาสาสมัครในการใช้เครื่องมือดังกล่าว อีกสักพักเมื่อแผนที่เสร็จเรียบร้อบ ตัวแผนที่ของถังดับเพลิงนี้ก็จะให้ชุมชนสามารถเข้าถึง แล้วก็ใช้ได้ด้วย” รองผู้ว่าฯทวิดากล่าว
นี่คือส่วนหนึ่งของการถก ถาม เถียง กลางสภา กทม. โดยตัวแทนของประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้ง รับฟังเสียงชาวบ้านมาลุยต่ออย่างไม่ย่อท้อในสภาอันทรงเกียรติ
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 2566 (กรอบบ่าย)