ส่อลามทำอสังหาฯวุ่น อนันดาชู3แนวแก้ไข
“สคบ.” เปิดทางลูกบ้าน แนะฟ้องเจ้าของ โครงการ “แอชตัน อโศก” ฐานผิดสัญญา ด้าน กูรูแนะรอดูแนวทางแก้ไขก่อน คาดถล่มภาพรวม อสังหาฯ ติดลบ ขณะที่ “อนันดา” แจ้ง “ตลท.” กาง 3 แนวทางดำเนินการ ส่วน “กทม.” เด้งรับทำตามคำพิพากษา
กรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษา ให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมหรู “แอชตัน อโศก” บริเวณปากซอยสุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีปัญหาเรื่องทางเข้าออกตามข้อกำหนดอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ รวมถึงการใช้ที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ทางผู้บริหารบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ในฐานะเจ้าของโครงการต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า จะเรียกร้องค่าเสียหายกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อเยียวยาลูกบ้านทั้งหมด ในขณะที่มีผู้เกี่ยวข้องบางรายระบุว่าควรแก้ไขด้วยการกว้านซื้ออาคารที่อยู่อาศัยของชาวบ้านที่อยู่ด้านหลัง เพื่อเจาะใช้เป็นเส้นทางเข้าออกแทนที่อาจจะต้องถูกรื้อถอนทุบทิ้ง
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 31 ก.ค. นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นถือ ว่าเจ้าของโครงการผิดสัญญาต่อผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคไม่ได้รู้ถึงกระบวนการซื้อขาย แต่เป็นผู้บริสุทธิ์ตามกระบวนการซื้อขายตามสัญญา โดยผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถเข้าร้องทุกข์ต่อ สคบ.ได้ เพราะถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่จะฟ้องเรียกเงินคืนให้กับผู้บริโภคกรณีผิดสัญญา โดยกรณีนี้ถือว่ามีความผิดตามนิติกรรมสัญญา พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ และ พ.ร.บ.คุ้ม ครองผู้บริโภค มาตรา 39 สำหรับการฟ้องเรียกเงินคืนนั้นปกติจะเรียกคืนทั้งหมดก่อน จึงจะไปพิสูจน์ว่าเข้าพักอาศัย กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล หรือศาลจะไม่พิสูจน์การเข้าพักเลยก็ได้ โดยการฟ้องเรียกเงินคืนจะมีมูลค่า 3 เท่าจากเงินที่ได้จ่ายไป
ด้าน นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า หลังจากนี้ลูกบ้านต้องรอว่าอนันดาฯ จะหาทางออกได้หรือไม่ หากหาทางออกไม่ได้ลูกบ้านสามารถฟ้องร้องบริษัทในขั้นตอนต่อไป โดยรูปแบบของการฟ้องร้องมีได้หลายกรณี เช่น ให้บริษัทรับซื้อคืน และหากยังต้องการอยู่อาศัยต่อกรณีที่อนันดาฯ สามารถหาทางเข้าออกได้ แต่ไม่สะดวกและเล็กลง ซึ่งทำให้ราคาห้องชุดลดลงตามไปด้วยนั้น ลูกบ้านสามารถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายมูลค่ายูนิตชดเชย เช่น ซื้อมา 10 ล้านบาท แต่ราคาตกเหลือ 5 ล้านบาทก็สามารถเรียกร้องได้ แต่การฟ้องร้องฯ ต้องผ่านกระบวนการดำเนินคดีหลายขั้นตอน ต้องใช้เวลา ขณะเดียวกันถ้าอนันดาฯ มั่นใจว่ากระบวนการก่อสร้างทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็สามารถไปฟ้องร้องผู้อนุญาตก่อสร้างได้
ขณะที่นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า คาดว่าจะยิ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ของผู้บริโภคหลังจากนี้มากขึ้น และอาจทำให้ผู้ประกอบการเองไม่กล้าเริ่มปักเสาเข็มสร้างโครงการใหม่ ๆ พร้อมทั้งต้องรอตรวจสอบให้แน่ชัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในระยะยาว เรื่องนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่าง และอาจทำให้ภาพรวมตลาด อสังหาฯ ปีนี้ติดลบหลังจากครึ่งปีแรกมานี้ไม่เติบโต จากสถาบันการเงินที่เข้มงวดในเรื่องการปล่อยกู้
ส่วนนายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงผลกระทบจากคำพิพากษาคดีโครงการแอชตัน อโศก และแนวทางแก้ไขของบริษัท โดยตอนหนึ่งระบุว่า บริษัทได้เตรียม 3 แนวทางที่จะแก้ไข คือ 1.คณะกรรมการบริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ บริษัทร่วมทุน ได้รวบรวมความเสียหาย และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อติดต่อเจรจากับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร่งด่วน ส่วนมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้นอยู่ระหว่างประเมินร่วมกับผู้สอบบัญชีของบริษัท และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน และจะนำไปพิจารณาตั้งสำรองในไตรมาส 2 ปี 66
นายชานนท์ กล่าวต่อว่า 2.แม้ศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง แต่ความเสียหายดังกล่าวยังสามารถแก้ไขได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่ผู้แทนหน่วยงานของรัฐได้เสนอทางแก้ตามที่เป็นข่าวต่อสาธารณะไปแล้วว่ากรณีที่ศาลเพิกถอนใบอนุญาตโครงการ ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนอาคาร ซึ่งบริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ กำลังพิจารณาหาแนวทางแก้ไขที่มีอยู่หลายแนวทาง โดยจะขอเข้าพบกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ภายใน 14 วันทำการ นับถัดจากวันที่ 27 ก.ค.66 เพื่อเจรจาหาทางแก้ไขกับหน่วยงานของรัฐ ต่อไป
นายชานนท์ กล่าวอีกว่า และ 3.บริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ อยู่ระหว่างการประชุมหารือร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการอนุมัติ หรืออนุญาตให้ทำโครงการแอชตัน อโศก เพื่อแก้ไขความเสียหาย ซึ่งการหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะเป็นการดำเนินการควบคู่กับการพิจารณาแนวทางอื่นที่มีอยู่หลายแนวทางด้วย และบริษัทฯ จะได้รายงานความคืบหน้าให้ทราบเพิ่มเติมต่อไป
ในขณะที่นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.ต้องทำตามคำพิพากษาของศาล โดย กทม.มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 มาตรา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 หมวด 4 ระบุอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ได้แก่ 1.มาตรา 40 ในกรณีที่มีการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง หรือข้อบัญญัติท้องถิ่นที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจดำเนินการดังนี้ (1) มีคำสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารผู้ควบคุมงานผู้ดำเนินการลูกจ้างหรือบริวารของบุคคลดังกล่าวระงับการกระทำดังกล่าว (2) มีคำสั่งมิให้บุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใด ๆ ของอาคารหรือบริเวณที่มีการกระทำดังกล่าวและจัดให้มีเครื่องหมายแสดงการห้ามนั้นไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ อาคารหรือบริเวณดังกล่าวและ (3) พิจารณามีคำสั่งตามมาตรา 41 หรือมาตรา 42 แล้วแต่กรณีภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้มีคำสั่งตาม (1)
นายวิศณุ กล่าวต่อว่า 2.มาตรา 41 ถ้าการกระทำตามมาตรา 40 เป็นกรณีที่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารยื่นคำขออนุญาตหรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ หรือดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะขยายเวลาดังกล่าวออกไปอีกก็ได้ และให้นำมาตรา 27 มาใช้บังคับโดยอนุโลม และ 3.มาตรา 42 ถ้าการกระทำตามมาตรา 40 เป็นกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ หรือเจ้าของอาคารมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 41 ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ดำเนินการรื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่าซึ่ง ขณะนี้สำนักการโยธาจะทำหนังสือแจ้ง สำนักงานเขตวัฒนา พิจารณาออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารดำเนินการแก้ไขอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร โดยใช้อำนาจตามมาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 แล้วแต่กรณี อย่างไรก็ตามการเพิกถอนใบรับแจ้งการก่อสร้างดังกล่าว ไม่ได้หมาย ความว่าอาคารชุด “แอชตัน อโศก” จะต้องมีการรื้อถอนอาคาร บริษัทผู้เป็นเจ้าของโครงการ สามารถยื่นขอใบแจ้งก่อสร้างใหม่ได้ที่สำนักการโยธา โดยบริษัทจะต้อง แก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่ศาลสั่ง ซึ่งก็คือเพิ่มทางเข้า-ออกโครงการให้มีความกว้างของถนน 12 ม. และอยู่ติดกับถนนสาธารณะที่มีความกว้าง 18 ม. ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายควบคุมอาคารและกฎหมายผัง เมืองกำหนด หากบริษัทเจ้าของโครงการสามารถปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางเข้า-ออกแล้วเสร็จก็สามารถยื่นขอใบแจ้งก่อสร้างได้ สำหรับกรณีนี้ขอเวลาให้ทีมกฎหมายของกรุงเทพมหานครพิจารณารายละเอียด ตามคำพิพากษาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากมีผลกระทบกับพี่น้องประชาชนอย่างสูง.
บรรยายใต้ภาพ
แนะฟ้อง…ภาพโครงการคอนโดมิเนียมหรู “แอชตัน อโศก” ปากซอยสุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง เพราะมีปัญหาเรื่องทางเข้าออกตามข้อกำหนดอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ทำให้ลูกบ้านเดือดร้อน สคบ.แนะฟ้องเจ้าของโครงการ
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 2566