กทม.ตั้งโต๊ะคุยชาวบ้าน ปีหน้าเล็งผุด 30 ย่านชุมชนสร้างสรรค์ ดึงเอไอ ช่วยปรับไฟจราจรแก้ รถติด
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับย่าน
นายศานนท์กล่าวว่า เรื่องเมืองไม่ใช่เรื่องของกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องของอัตลักษณ์ พหุวัฒนธรรม ในกรุงเทพฯมีชุมชนที่มีอัตลักษณ์จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาภาครัฐพยายามกระตุ้นย่านต่างๆ แต่จะเห็นว่าไม่มีความยั่งยืน ต้องมีการจัดอีเวนต์อยู่ตลอด กลับกันในหลายย่านมีศักยภาพด้วยตัวเอง และอยากให้ภาครัฐไปช่วยส่งเสริม จึงเป็นที่มาของโครงการย่านสร้างสรรค์
นายศานนท์กล่าวว่า คาดหวังให้ชุมชน ย่าน มีความเข้มแข็ง มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ละชุมชนมีการจัดงานทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตอนนี้ชุมชนลุกขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีปัญหาด้านกายภาพ บางชุมชนต้องเดินเข้าไปลึกมาก หรือบางชุมชนอยู่ริมน้ำ ต้องทำคลองให้สะอาด จัดเรือวิ่งโดยสารการประชุมวันนี้ สำนักการวางผังและพัฒนาเมืองเป็นเจ้าภาพหลัก กทม.ควรไปปรับโครงสร้างพื้นฐานให้เดินทางได้ดี ตอนนี้มีแล้ว 16 ย่าน เป็นเรื่องยากที่พูดว่าประสบความสำเร็จ เพราะเป็นเรื่องความยั่งยืน แต่สิ่งสำคัญหลายชุมชนบอกว่าภาครัฐไม่เคยเข้าไปพูดคุยเลย จึงเป็นครั้งแรกที่สำนักงานเขตออกมาตั้งโต๊ะชวนชาวบ้านมานั่งประชุม เพราะเป็นนโยบายจัดสรรจากส่วนกลางลงไป เชื่อว่าความสำเร็จแรกที่เปิดหน้า ให้รัฐ ประชาสังคม ชาวบ้าน มาร่วมมือกัน หลายย่านมีศักยภาพ เช่น ย่านบางโพ มีการขายไม้ เขาอยากทำเป็นเลิร์นนิ่งซิตี้ ย่านบางลำพู อยากได้เรือของ กทม.มาโดยสาร รวมถึงคลองบางหลวงด้วย
“ภายในปีนี้จะมีย่านสร้างสรรค์ 20 ย่าน ปีหน้า 30 ย่าน เอามาเป็นต้นทุนวางไว้บนโต๊ะก่อน ชาวบ้านเขาพร้อมหมดแล้ว ให้เลือกว่า กทม.จะไปทำจุดใด ไม่ใช่อยู่ๆ ไปทำคลองผดุงกรุงเกษม คลองโอ่งอ่าง คลองอะไรที่ไม่มีชาวบ้าน ไม่ใช่ทิศทางที่เราจะไป” นายศานนท์เผย
ทั้งนี้ กทม.ได้จัดสรรงบประมาณให้ 20 สำนักงานเขต เพื่อจัดให้มีย่านสร้างสรรค์ตามแนวทางอนุรักษ์ย่าน ได้แก่ การส่งเสริมภูมิทัศน์สิ่งแวดล้อม สังคมวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร่วมสัมมนาการศึกษาจัดทำโมเดลการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการจราจรกรุงเทพมหานคร ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
นายวิศณุกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาจราจรเป็นเรื่องที่กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญ ใช้ข้อมูลช่วยในการบริหารจัดการรวมถึงใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการควบคุมสัญญาณไฟจราจรให้สอดคล้องกับปริมาณจราจรในแต่ละช่วงเวลาด้วย โดยจะเริ่มจากจุดสำคัญ 3 เส้นทางนำร่อง เป็นถนนสายหลักที่มีปัญหาจราจรติดขัด ได้แก่ ถนนรัชดาภิเษก (อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.) ถนนประเสริฐมนูกิจ (อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง) และถนนราชพฤกษ์ (อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท) โดยการปรับสัญญาณไฟจราจรให้ฉลาดขึ้น
“วิธีการคือปรับสัญญาณไฟจราจรให้มีข้อมูลจากปริมาณจราจรที่แท้จริง วิเคราะห์ปริมาณจราจรจากกล้องที่มีอยู่แล้ว สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จึงทำระบบเอไอขึ้นมา เพื่อดูปริมาณจราจรในแต่ละช่วงเวลา วิเคราะห์จุดติดจุดฝืดในช่วงเวลาต่างๆ และหาวิธีการแก้ไข เช่น การปรับสัญญาณไฟให้สอดคล้องกับปริมาณจราจร 3 เสันทางดังกล่าวจะนำร่องด้วยวิธีการนี้และจะเริ่มดำเนินการทำทันที” นายวิศณุกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า กล้องใน กทม. 60,000 ตัว ที่มีอยู่ขณะนี้ ใช้ดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ใช้ในด้านจราจรมีเพียง 1,000 ตัว รวมถึงคุณภาพกล้องและมุมกล้องอาจไม่สอดคล้องจะนำมาใช้ร่วมกับโครงการนี้ ต้องปรับปรุงและติดตั้งกล้องเพิ่มบางเส้นทาง คือ ถนนรัชดาภิเษก เนื่องจากมีหลายทางแยก ปริมาณกล้องยังไม่ครอบคลุม
การเปิดสัญญาณไฟจราจรเดิมที่มีการวิเคราะห์ปริมาณจราจรจริง แต่เป็นการกำหนดเป็นช่วงๆ ลักษณะต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ช่วงเช้า กลางวัน เย็น หรือเสาร์ อาทิตย์ อาจไม่สอดคล้องกับปริมาณจราจรที่แท้จริง การดำเนินการโครงการนี้จะทำครอบคลุม 127 จุด ผลการศึกษาคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายนนี้ 127 จุดดังกล่าวเป็นจุดที่ปรับได้ไม่ยาก เป็นการแก้ปัญหาใช้ระยะเวลาสั้น และใช้งบประมาณให้น้อยที่สุด กทม.ตั้งเป้าการจราจรต้องดีขึ้นภายใน 1 ปี นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะอื่นๆ เช่น การปรับกายภาพ การปรับคอขวด ปรับจุดกลับรถ ปรับป้ายรถเมล์ จากข้อมูลที่ได้มีการวิเคราะห์ที่ผ่านมา ทำให้เห็นภาพปัญหาแต่ละจุด กทม.จะนำข้อมูลที่ทาง สนข.ศึกษามาไปดำเนินการต่อ เพื่อให้เป็นการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 18 ก.ค. 2566