ป้องกันซ้ำรอยเหตุบึ้ม-สร้างความมั่นใจให้คนกรุง

กทม. – เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการจัดเก็บถังดับเพลิงที่เสื่อมสภาพในชุมชนจักรพรรดิพงษ์ และชุมชนวัดสระเกศ เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายว่า กทม. ได้จัดเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ ความเข้าใจ ในการตรวจสอบว่าถังที่มีอยู่สามารถใช้ได้หรือไม่ โดยได้จัดเก็บถังดับเพลิงเสื่อมสภาพใช้งานไม่ได้ รวม 50 ถัง โดยที่ชุมชนจักรพรรดิพงษ์ 30 ถัง และชุมชนวัดสระเกศ 20 ถัง ส่วนถังดับเพลิงที่ใช้ได้จะตั้งไว้จุดเดิม พร้อมทั้งติดคิวอาร์โค้ด แสดงข้อมูลถัง วันเวลาที่ตรวจบำรุงรักษาล่าสุด และตำแหน่งในการติดตั้ง

นอกจากนี้จะมีการระบุคุณสมบัติการดับเพลิงของถังดับเพลิงแต่ละถังด้วย ถึงแม้ถังดับเพลิงในชุมชนจะเป็นชนิดผงเคมีแห้ง แต่มีโอกาสรั่วได้เช่นกัน จึงให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกทม.ปูพรมเพื่อตรวจสอบและจัดเก็บถังดับเพลิงที่เสื่อมสภาพใช้ไม่ได้ออกจากพื้นที่ จากนั้น กทม.จะนำถังใหม่ไปติดตั้งให้โดยเร็ว ส่วนถังที่ยังใช้งานได้จะมีการตรวจสภาพปีเว้นปี เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ

ขณะเดียวกันกทม.เตรียมนำเข้าข้อมูลถังดับเพลิงในระบบ BKK Risk Map มีการแบ่งสีพื้นที่เป็น แผนที่สีแดง ส้ม เหลือง เพื่อแสดงความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ ซึ่งขณะนี้นำเข้าข้อมูลประปาหัวแดงเรียบร้อยแล้ว และจะนำข้อมูลในส่วนของถังดับเพลิงเข้าระบบตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2566 เป็นต้นไป

สำหรับวิธีการตรวจสอบและดูแลถังดับเพลิงเบื้องต้นสำหรับประชาชน ได้แก่ 1.สลักยังอยู่ 2.เกจวัดแรงดันอยู่ตรงกลาง ในช่อง สีเขียว ไม่ตกไปทางซ้ายหรือขวา 3.รูปทรงถังอยู่ในสภาพปกติ ไม่บวม (ถังที่บวมจะบวมที่ด้านล่าง) ไม่แตกร้าว ไม่เป็นสนิม สายสมบูรณ์ ไม่เปื่อยหรือฉีกขาด

4.ค่อยๆ ยกถังคว่ำแล้วฟังเสียง ถ้าสารเคมีภายในถังยังใช้ได้ จะได้ยินเสียงคล้ายทรายไหลภายในถัง ในกรณีบางถังถูกตั้งไว้นาน จะเกิดการเกาะของสารเคมี วิธีป้องกันจึงต้องหมั่นยกคว่ำ และ 5.ควรเก็บถังให้ห่างจากความร้อน แสงแดด น้ำ หรือความชื้น และไม่ควรตั้งวางถังบนพื้นเพราะจะทำให้เกิดสนิมได้ง่าย หากติดตั้งแบบแขวน ระยะความสูงจากพื้นถึงก้านบีบไม่ควรเกิน 1.5 เมตร เมื่อจะใช้งานให้ใช้มือข้างถนัดหิ้ว บิดสลักออก ยกหัวฉีดชี้ไปที่ฐานของไฟหรือต้นเพลิง (ทำมุมประมาณ 45 องศา) ผู้ฉีดควรอยู่เหนือลม ระยะห่างจากฐานของไฟควรอยู่ห่างประมาณ 2 – 4 เมตร เพราะสารเคมีอาจฟุ้งเข้าตาได้ บีบไกให้สารพุ่งออกมา

ทั้งนี้ หากสังเกตพบว่าถังดับเพลิงเป็นสนิมหรือบวม แจ้งมายังกทม. โดยโทร.199 แจ้งผ่านสำนักงานเขต หรือแจ้งผ่านระบบ Traffy Fondue ได้

สำหรับความแตกต่างของถังดับเพลิงแต่ละประเภท น.ส.ทวิดากล่าวว่า ถังดับเพลิงสีแดง จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ถังดับเพลิงบรรจุผงเคมีแห้ง และถังดับเพลิงบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยถังดับเพลิงผงเคมีแห้งจะมีแรงดันที่ 195 PSI. มีเกจวัดแรงดัน สายฉีดมีขนาดเท่ากันตลอดทั้งเส้น

ส่วนถังดับเพลิง CO2 จะมีแรงดันที่ประมาณ 800-1,200 PSI. ไม่มีเกจวัดแรงดัน เนื่องจากเป็นถังที่มีแรงดันสูง ปลายกระบอกฉีดจะมีลักษณะเป็นกรวย

ขณะที่ถังดับเพลิงสีเขียว ภายในจะบรรจุน้ำยาเหลวระเหยหรือ สารอื่นที่อยู่ในสถานะของเหลว มีเกจวัดแรงดัน และถังดับเพลิง สเตนเลส ภายในจะบรรจุโฟมหรือน้ำ ซึ่งถังดับเพลิงประเภทนี้จะไม่มีอยู่ในชุมชน ส่วนถังดับเพลิงที่อยู่ในชุมชนปัจจุบันจะมีถังดับเพลิง ผงเคมีแห้ง (สีแดง) และถังดับเพลิงน้ำยาเหลวระเหย (สีเขียว)

ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 30 มิ.ย. 2566