กทม.ออกประกาศด่วน ปลดล็อก ชุดนักเรียน ไฟเขียวให้ใส่ชุดอะไรก็ได้ 1 วัน/สัปดาห์ พร้อมพ่วงให้ทรงผมอิสระ เพื่อไม่กระทบเสรีภาพ ไม่ลิดรอนสิทธิเด็ก เพื่อลดค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ผู้ช่วย ศาสตราจารย์อรรถพล อนันตวรสกุล ประธานสาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีกรุงเทพมานคร (กทม.)ออกหนังสือถึงโรงเรียนในสังกัด 437 แห่ง เพื่ออนุญาตให้โรงเรียนกำหนดการใส่ “ชุดนักเรียนและไว้ทรงผมได้อย่างอิสระ” ลงนามโดย นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัด กทม. รักษาการแทนปลัด กทม. มีเนื้อหาระบุว่า
กรุงเทพมหานครจัดทำข้อกำหนดใหม่ให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยอนุญาตนักเรียนแต่งกายชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็น การบังคับ 1 วันต่อสัปดาห์ หาก ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ก็สามารถใส่ชุดนักเรียนได้ตามความประสงค์ของนักเรียน โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจ ยึดหลักคำนึงถึงอัตลักษณ์ ความหลากหลาย ความเชื่อทางศาสนาและเพศวิถี
ทั้งนี้ ตามที่ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 ข้อ 15 กำหนดว่า สถานศึกษาใดจะกำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหาร หรือแต่งชุดพื้นเมือง ชุดไทย ชุดลำลอง ชุดฝึกงาน ชุดกีฬา ชุดนาฏศิลป์ หรือชุดอื่นๆ แทนเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบนี้ในวันใด ให้เป็นไปตามสถานศึกษากำหนด โดยคำนึงถึงความประหยัดและเหมาะสมนั้น เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง จึงให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร จัดทำข้อกำหนดให้นักเรียนแต่งกายด้วยชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ โดยให้นักเรียนเป็นผู้มีส่วนร่วมกำหนด ในกรณีนักเรียน ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ ให้เป็นไปตามความประสงค์ของนักเรียนผู้นั้นที่จะสวมชุดนักเรียน ชุดพละ หรือชุดอื่นใดที่โรงเรียนกำหนดให้มีไว้อยู่แล้ว แต่ห้ามดำเนินการในลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งให้คำนึงถึงอัตลักษณ์ ความหลากหลาย ความเชื่อทางศาสนา และเพศวิถีของนักเรียน
ขณะที่แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครนั้น หนังสือประกาศดังกล่าวระบุว่า เพื่อเป็นการเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียน จึงให้โรงเรียนจัดทำ ข้อกำหนดแนวทาง ให้นักเรียนไว้ทรงผม อย่างอิสระบนพื้นฐานสุขอนามัยที่ดี สะอาดและส่งเสริมบุคลิกภาพ หากกรณีมีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ ให้โรงเรียนรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน ผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจและตกลงร่วมกัน แต่ห้ามลงโทษตัดผมนักเรียน ทำให้อับอาย หรือการดำเนินการใดๆที่ทำให้เกิดความอับอายและกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจของนักเรียน เช่น การตัดผม ทำให้อับอาย ฯลฯ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังกรุงเทพมหานครมีหนังสือประกาศเรื่องแนวทางการแต่งกาย ของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพ มหานครว่า เรื่องของชุดนักเรียนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของสิทธิเด็ก เรื่องของชุดลูกเสือ เครื่องแบบ และทรงผม มีการหารือกันมานาน มีคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องหลายส่วน รวมถึงมีผู้แทน นักเรียนด้วย ขณะนี้คุยไปแล้วหลายรอบและทุกฝ่ายได้ตกผลึกร่วมกัน หัวใจสำคัญคือเรื่องสิทธิมนุษยชน ให้เด็กได้ไปโรงเรียนอย่างมั่นใจ ถูกสุขอนามัย และเป็นการลดค่าใช้จ่าย ของผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม ประกาศนี้สุดท้ายก็จะประเมินผลดีผลเสีย เราไม่ต้องกลัวอะไร ให้กล้าทำในสิ่งต่างจากเดิม ทำอะไรใหม่ๆ ให้เด็กได้คิด ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วม แต่ต้องมีกรอบ มีกติกา มีการประเมิน สุดท้ายถ้าไม่ดีก็ต้องปรับเปลี่ยน กทม.ยินดีรับคำติชมทุกอย่าง
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 29 มิ.ย. 2566