กทม.เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุถังดับเพลิงระเบิด พร้อมตรวจสอบความปลอดภัยถังดับเพลิงในชุมชน
นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวนักเรียนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุถังดับเพลิงระเบิดภายในโรงเรียนราชวินิต มัธยม รวมถึงการตรวจสอบความปลอดภัยถังดับเพลิงของ กทม.ว่า ขณะนี้ สปภ.ได้สั่งการให้สถานีดับเพลิงและกู้ภัยทุกแห่งชะลอการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟทุกกรณีออกไปก่อน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก สำหรับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวนักเรียนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว สปภ.จะได้ดำเนินการตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ขณะเดียวกันจะได้จัดทำแนวทาง ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพถังดับเพลิงและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อยและรัดกุมมากขึ้น รวมถึงกำหนดมาตรการเชิงรุก เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ขนาด 15 ปอนด์ ที่ กทม.แจกจ่ายให้กับชุมชนต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และที่ติดตั้งในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นคนละชนิดกับถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดระเบิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สปภ.อยู่ระหว่างการจัดหาถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งให้กับสำนักงานเขตเพิ่มเติมอีกจำนวน 9,979 ถัง เพื่อนำไปติดตั้งภายในชุมชนแออัด โดยคุณลักษณะของถังดับเพลิงจะเหมือนกับการจัดซื้อครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2563 ซึ่งได้กำหนดให้ถังดับเพลิงมีความหนามากกว่ามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และมีเซฟตี้วาล์ว เพื่อป้องกันการระเบิดของถังดับเพลิงไว้แล้ว เพื่อให้ประชาชนในชุมชนแออัดได้มีอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานสูงไว้ใช้ระงับเหตุเพลิงไหม้ในเบื้องต้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ
กทม.ตรวจประเมินสุขลักษณะห้องน้ำสาธารณะรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ประสาน 50 เขต ตรวจสอบให้ได้มาตรฐาน
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม.กล่าวกรณีสื่อออนไลน์วิจารณ์ห้องน้ำสาธารณะบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีสภาพชำรุด สกปรก และส่งกลิ่นเหม็นว่า ห้องน้ำสาธารณะบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ควบคุมกำกับโดยสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.ซึ่งเปิดให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการจัดการห้องน้ำสาธารณะดังกล่าวและมีการเก็บค่าบริการจากประชาชน อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว สนอ.ได้ประสาน สจส.เพื่อเข้าตรวจประเมินสถานที่ พร้อมทั้งให้คำแนะนำการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาห้องน้ำสาธารณะบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิให้มีสุขลักษณะตามมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะระดับประเทศ (HAS) ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันได้ร่วมกับสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ตรวจประเมินสุขลักษณะห้องน้ำสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ ในสถานที่ 12 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ตลาดสด ร้านอาหาร โรงพยาบาล ศาสนสถาน สวนสาธารณะ สถานที่ราชการ สถานศึกษา สถานีขนส่ง สถานีบริการเชื้อเพลิง ห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า แหล่งท่องเที่ยว และห้องน้ำริมทาง ผลการตรวจประเมินฯ เมื่อเดือน พ.ค.66 จำนวน 3,616 แห่ง พบผ่านมาตรฐานฯ จำนวน 2,915 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 80.61 อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสุขลักษณะห้องน้ำสาธารณะให้ได้มาตรฐานอย่างยั่งยืนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการคือ เจ้าของสถานที่ ประชาชนผู้ใช้บริการ และผู้ดูแลรักษาความสะอาด
นอกจากนั้น ยังได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของห้องน้ำสาธารณะและเสริมสร้างความเข้าใจการใช้ห้องน้ำสาธารณะที่ถูกวิธี ได้แก่ วิดีโอการบำรุงรักษาห้องน้ำสาธารณะ วิดีโอมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะของ กทม.และสติ๊กเกอร์การใช้ห้องน้ำสาธารณะที่ถูกวิธีให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องผ่านเจ้าของสถานที่สาธารณะและสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารความรู้ที่เกี่ยวข้องกับห้องน้ำสาธารณะได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Bangkok Public Toilet (https://www.facebook.com/profile.php?id=100068000872923) และสื่อประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง https://shorturl.asia/x6FQ9
กทม.เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำถนนพหลโยธิน-ประสาน ทล.แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังถนนรามอินทราซอย 5
นายสุราษฎร์ เจริญชัยสกุล ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำบริเวณซอยพหลโยธิน 69 – 69/3 ถนนพหลโยธิน และถนนรามอินทราซอย 5 ว่า สนน.ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนพหลโยธิน 69 – 69/3 พบว่า มีสาเหตุเกิดจากคูคลองตื้นเขิน ทำให้การระบายน้ำไปยังสถานีสูบน้ำทำได้ช้า ส่งผลให้ต้องใช้ระยะเวลาระบายน้ำที่ท่วมน้ำขังในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสำนักงานเขตฯ ได้รับงบประมาณขุดลอกคลองแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ
ส่วนปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนรามอินทราซอย 5 สนน.ได้ตรวจสอบพบว่า บริเวณดังกล่าวอยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของกรมทางหลวง (ทล.) และอยู่ระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ทำให้บนผิวจราจรมีวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ กีดขวางทางน้ำที่จะไหลไปยังตะแกรงช่องรับน้ำฝน สนน.จึงได้ประสาน ทล.ตรวจสอบระบบท่อระบายน้ำ ตะแกรงช่องรับน้ำ พร้อมทั้งทำความสะอาดท่อระบายน้ำบริเวณดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวในการสัญจร
กทม.ประสาน กฟน.หาแนวทางป้องกันถนนพระราม 3 ทรุดตัวจากโครงการนำสายไฟลงดิน
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการซ่อมแซมผิวจราจรทรุดตัวบริเวณถนนพระราม 3 ขาเข้าว่า จากการตรวจสอบพบว่า จุดที่ถนนทรุดตัวอยู่บริเวณปากซอยพระราม 3 ซอย 11 ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการโครงการนำสายไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยเป็นการทรุดตัวของฝาบ่อที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในผิวจราจร ขนาดประมาณ 1.2 × 3.0 เมตร ลึกประมาณ 0.10 เมตร ซึ่ง สนย.ได้ประสาน กฟน.ซ่อมแซมแก้ไขโดยเร่งด่วน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยขณะนี้บริเวณดังกล่าวได้เปิดการจราจรแล้ว ทั้งนี้ การทรุดตัวของถนนพระราม 3 ส่วนใหญ่เกิดจากการทำงานของผู้รับเหมา ซึ่ง สนย.ตระหนักถึงความปลอดภัยและปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ใช้เส้นทางสัญจร จึงได้ประชุมร่วมกับ กฟน.อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาวิธีการ มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
เขตบางซื่อกวดขันผู้ค้าปากซอยสะพานขวา ปฏิบัติตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่ กทม.กำหนดอย่างเคร่งครัด
นายสรสิช เหลืองรุ่งเกียรติ ผู้อำนวยการเขตบางซื่อ กทม.กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนผู้ค้าบนทางเท้าบริเวณปากซอยสะพานขวา ถนนประชาราษฎร์ ตั้งวางแผงค้ากีดขวางทางสัญจรและสร้างความสกปรกให้พื้นที่ว่า สำนักงานเขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบผู้ค้ารถเข็นค้าขายบนทางเท้า จำนวน 5 ราย โดยบริเวณดังกล่าวเป็นจุดทำการค้านอกจุดผ่อนผัน อยู่ในบัญชีผู้ค้านอกจุดผ่อนผันของสำนักงานเขตฯ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาขอเสนอเป็นจุดผ่อนผันทำการค้า เนื่องจากมีทางเท้ากว้างเพียงพอสำหรับให้ประชาชนสัญจร ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้จัดประชุมผู้ค้า พร้อมกำชับให้ทำความสะอาดพื้นที่ค้าขายทุกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นการค้าขาย รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบหลักเกณฑ์ของ กทม.อย่างเคร่งครัด ซึ่งสำนักงานเขตฯ จะได้กวดขันตรวจตราอย่างต่อเนื่อง
