นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.กล่าวกรณีมีผู้ตั้งข้อสังเกตป้ายไฟจราจรแบบนับถอยหลังตามทางแยกต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ หลายจุดชำรุดและไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพว่า สัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยกที่แสดงเป็นตัวเลขนับเวลาถอยหลังจะกำหนดระยะเวลาให้เปิดสัญญาณไฟสีเขียวและแดงไว้ล่วงหน้าแน่นอนแล้ว (Fixed Time) และจะทำงานโดยอัตโนมัติ แต่หากมีช่วงเวลาใดที่ตำรวจจราจรมาปฏิบัติหน้าที่ควบคุมเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจรด้วยตนเอง ระบบการนับเวลาถอยหลังจะหยุด แต่จะแสดงเป็นแถบ 3 ขีดแทน ซึ่งไม่ใช่สัญญาณไฟจราจรแบบนับเวลาถอยหลังชำรุดเสียหาย และเมื่อพ้นการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรแล้ว สัญญาณไฟจะกลับมานับเวลาถอยหลังเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม สจส.ได้ปรับปรุงพัฒนาระบบสัญญาณไฟจราจรอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่เหมาะสม เพื่อสร้างความปลอดภัยและความคล่องตัวในการเดินทาง นอกจากนั้น ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ บำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นประจำตามแผนงานที่กำหนด เพื่อให้สัญญาณไฟจราจรทุกประเภทสามารถใช้งานได้ตามปกติ

            นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอุโมงค์รัชดาฯ – ราชพฤกษ์ ท่าพระว่า ภายหลังเปิดใช้อุโมงค์ทางลอดท่าพระเมื่อวันที่ 1 ก.ย.65 กทม.ได้เร่งรัดงานก่อสร้างส่วนที่เหลือ ประกอบด้วย งานถนนและทางเท้าระดับราบด้านบนทางลอดมาตลอด โดยปัจจุบันได้ผลงานร้อยละ 80 ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นเดือน มิ.ย.66

สำหรับกรณีมีข้อวิจารณ์เรื่องมาตรฐานการทำงาน เนื่องจากมีคนงานใช้กาต้มน้ำหยอดยางมะตอย บริเวณร่องถนนนั้น เป็นการใช้ภาชนะรูปแบบหนึ่งเพื่อช่วยหยอดวัสดุ เนื่องจากไม่ได้กำหนดเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานการหยอดยางไว้ เพียงแต่กำหนดคุณสมบัติวัสดุและรูปแบบที่ต้องดำเนินการ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะต้องสามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ ส่วนกรณีคนงานระบุไม่มีผู้ควบคุมงานนั้น เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมงานจะอยู่ประจำตลอดเวลาที่ผู้รับเหมาทำงาน แต่เนื่องจากผู้ควบคุมงานจะควบคุม กำกับและสั่งงานผ่านวิศวกร โฟร์แมน หรือหัวหน้าคนงานของผู้รับเหมา จึงทำให้คนงานไม่รู้จักผู้ควบคุมงานโดยตรง รวมทั้งอาจสื่อสารคลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นแรงงานต่างชาติ ซึ่งในวันเวลาที่คณะผู้บริหาร กทม.ตรวจงานดังกล่าวมีผู้ควบคุมงานติดตามการตรวจงานอยู่ด้วย 5 คน  อย่างไรก็ตาม สนย.ได้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันมาตรฐานการทำงาน ตลอดจนกำกับควบคุมผู้รับจ้างให้ปรับปรุงการปฏิบัติงานให้ดีขึ้นต่อไป

            นางสาวสุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม.กล่าวกรณีเกิดเหตุต้นไม้ใหญ่ล้มทับรถแท็กซี่ ที่จอดติดสัญญาณไฟบนถนนราชดำริขาออก ช่วงแยกราชประสงค์ หลังมีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สำนักงานเขตฯ ได้ติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงต้นไม้ในพื้นที่เขตฯ โดยเฉพาะต้นไม้ขนาดใหญ่ในแนวถนนราชดำริ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะได้เร่งตรวจสอบและส่วนใหญ่ได้ตัดแต่งลดทอนความสูงและขนาดทรงพุ่มของต้นไม้ลงแล้ว ได้แก่ ต้นพญาสัตบรรณ ต้นหางนกยูง เพื่อป้องกันเหตุหักโค่นล้ม ซึ่งการปฏิบัติงานทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการตรวจสอบความเสี่ยงของต้นไม้ สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ขณะเดียวกันได้ดำเนินแนวทางการบริหารจัดการและดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ใหญ่ เพื่อป้องกันปัญหาการโค่นล้ม โดยตรวจสอบความสมบูรณ์แข็งแรงของต้นไม้ และพิจารณาการจัดการต้นไม้ให้เหมาะสม ไม่สุ่มเสี่ยงอันตรายต่อการโค่นล้ม โดยต้นไม้ทุกต้นที่ปลูกในเขตเมืองต้องได้รับการตัดแต่งเนื่องจากไม่ได้อยู่ในระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติ ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้จัดทำแผนการตัดแต่งต้นไม้ตามถนนเส้นหลักและสถานที่ใกล้เคียง ได้แก่ ถนนเพลินจิต ถนนวิทยุ ถนนชิดลม ถนนราชดำริ ถนนพญาไท ถนนพระรามที่ 1 ถนนพระรามที่ 6 ถนนบรรทัดทอง ถนนจรัสเมือง ถนนรองเมือง ถนนเจริญเมือง ซอยต้นสน ซอยสมคิด ถนนสารสิน ถนนพระรามที่ 4 ถนนอังรีดูนังต์ และริมคลองผดุงกรุงเกษม โดยจัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนตรวจสอบสภาพของต้นไม้ การลดทอนความสูงของต้นไม้ที่สุ่มเสี่ยง การค้ำยันต้นไม้ทั่วทั้งพื้นที่เขตเป็นประจำทุกเดือน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอันตรายต่อประชาชน

      นอกจากนั้น สำนักงานเขตฯ ยังได้ประสานความร่วมมือกับสำนักสิ่งแวดล้อม กทม.จัดส่งรุกขกรเข้ามาช่วยตรวจสอบ สำรวจความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยของต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตฯ ทั้งนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการอบรมเจ้าหน้าที่รุกขกรรมประจำเขต จำนวน 4 คน และมีแผนส่งเจ้าหน้าที่อีก 3 คน เข้าร่วมประชุมครั้งต่อไป เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมดูแลรักษาต้นไม้ ตลอดจนการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาสังคม อาทิ กลุ่ม BIGTrees สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย และอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมให้คำแนะนำการดูแลพื้นที่สีเขียวของ กทม.

            นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม.กล่าวถึงการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยของต้นไม้ในพื้นที่สาธารณะที่อยู่ในความดูแลของ กทม.ว่า สสล.ได้จัดทำระบบฐานข้อมูล รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของต้นไม้ สภาพทางกายภาพ ปัจจัยที่มีผลต่อความแข็งแรง ข้อมูลเกี่ยวกับโรค หรือศัตรูพืช เพื่อใช้อ้างอิงในการดูแลรักษาบำรุงรักษาต้นไม้ได้อย่างยั่งยืน รวมถึงจะต้องคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่มีความแข็งแรง ทนต่อสภาพภูมิอากาศและสามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม พร้อมทั้งแจ้งเตือนสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ที่รับผิดชอบการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกบริเวณทางเท้าและเกาะกลางของถนนสายหลัก สายรอง และที่สาธารณะย่านชุมชน รวมทั้งแจ้งหน่วยงานในสังกัด สสล.ที่ดูแลสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวในที่สาธารณะที่มีต้นไม้ใหญ่ใกล้เส้นทางสัญจรของประชาชนและย่านชุมชนให้เร่งตรวจตราต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่รับผิดชอบ หากพบความเสี่ยงที่จะมีกิ่งฉีกหัก หรือโค่นล้มเมื่อเกิดพายุฤดูร้อน ลมกระโชกแรง ให้เร่งตัดแต่ง โดยสางโปร่งเพื่อเปิดช่องให้ลมพัดผ่าน ไม่ต้านลม ลดโอกาสหัก ฉีก โค่นล้ม หากพบกิ่งผุและกิ่งที่เสี่ยง หักโค่นให้ตัดแต่งตามหลักรุกขกรรม หากพบต้นเอนเอียงเข้าเส้นทางถนนสายหลัก สายรองที่ประชาชนสัญจรให้พิจารณาดำเนินการค้ำยัน

ขณะเดียวกันได้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ และเครื่องมือประจำหน่วยเร่งด่วนฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง พร้อมออกปฏิบัติงาน เพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนทันที หากมีเหตุพายุฤดูร้อนทำให้ต้นไม้โค่นล้ม กิ่งหักลงถนนกีดขวางเส้นทางสัญจรของประชาชน หรือทำความเสียหายแก่บ้านเรือน รวมถึงได้ประสานความร่วมมือสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เตรียมชุดปฏิบัติการเร่งด่วนฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมมือกับ สสล.แก้ไขปัญหาต้นไม้ล้ม กิ่งไม้หักกีดขวางถนน พร้อมเปิดเส้นทางสัญจรให้ประชาชนได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือประชาชนร่วมตรวจสอบสภาพต้นไม้ กิ่งไม้ในพื้นที่ส่วนบุคคล รวมถึงพื้นที่สาธารณะ หากพบต้นไม้อยู่ในสภาพเสี่ยงที่จะหัก โค่นล้ม หรือพบเห็นต้นไม้โค่นล้ม หรือเสี่ยงที่จะโค่นล้ม สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ หรือสายด่วน กทม.1555 หรือผ่านระบบ Traffy Fondue เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตัดแต่งต้นไม้ กิ่งไม้ รวมถึงเก็บกวาดกิ่งไม้ หรือต้นไม้ที่หักโค่นกีดขวางในที่สาธารณะ โดยหากประชาชนประสงค์ขอรับบริการตัดแต่งต้นไม้ในบ้าน สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตพื้นที่ ซึ่งมีอัตราค่าบริการตามระเบียบที่ กทม.กำหนดไว้