จนท.บุกค้นโดยไม่มีหมาย ห้ามดริงก์บ่าย2-5โมงเย็น ปรับหนัก-สวนทางสุราเสรี
ส.ธุรกิจแอลกอฮอล์โวย สธ.จ่อแก้ กม.คุมเข้มสวนทาง สุราเสรี ‘โคโยตี้ลำก้า’สุราเชียงใหม่ผลิตไม่ทันขาย ขอ รบ.ใหม่ไม่จำกัดแรงม้าผลิต
‘พิธา’นำก้าวไกลกทม.ถกชัชชาติ
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ห้องประชุมรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม.1 (เสาชิงช้า) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าพบผู้บริหาร กทม. ของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พร้อมว่าที่ ส.ส.กรุงเทพฯ และตัวแทน สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรค ก.ก. เข้าพบ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อร่วมพูดคุยหารือแลกเปลี่ยนประเด็นและแนวทางการทำงานร่วมกัน
นายชัชชาติกล่าวว่า ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกลของ กทม. 32 คน แต่มา 29 คน และทีมงานเข้มแข็งของก้าวไกล รวมถึง ส.ก.อีก 3 คนมาร่วม
เป็นนิมิตหมายที่ดี การขับเคลื่อนหลายอย่างไปข้างหน้า ความร่วมมือคือสิ่งสำคัญ ว่าที่ ส.ส.ลงพื้นที่มีฟีดแบ๊กจากประชาชนหลายด้าน รวมทั้งการเห็นปัญหา การมีเทคโนโลยีในหน่วยงานเข้มแข็ง จะทำให้เราหาคำตอบที่ดีให้กับเมืองได้ เชื่อว่าวันนี้เป็นก้าวแรกของการเดินทางไกล
ผนึกทำงานร่วมแบบไร้รอยต่อ
ด้าน นายพิธากล่าวว่า ปัญหาหลายเรื่องใน กทม.คาราคาซังมานาน หรือปัญหาใหม่ความ ท้าทายใหม่ๆ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถ้าแก้ไขได้อย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่ระดับรัฐบาล นายกฯ มาที่สภาผู้แทนราษฎร มาที่ผู้ว่าฯกทม. มาที่สภา กทม. การแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ ด้านกฎหมาย หรือแม้แต่การประสานงานเล็กๆ น้อยๆ จะสามารถทำให้ กทม.ทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น
“รับข้อเสนอจากผู้ว่าฯทั้งหมด 21 ข้อ ท่านทำคนเดียวไม่ได้ ต้องประสานงานกับเรา เพื่อให้เราไม่ว่า ส.ส. 32 คน ที่อยู่ใน กทม.ก็ดี ในการผ่านกฎหมาย ให้ท่านผู้ว่าฯทำงานได้ ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหา PM2.5 ใน กทม. ส่วนใหญ่มาจากการเดินทางของรถ ถ้าต่ำกว่า 4 ล้อ กทม.มีอำนาจกำหนด แต่ถ้ามากกว่า 4 ล้อ เป็นอำนาจของกระทรวงอื่น เป็นต้น การทำงานแบบไร้รอยต่อ (Seamless Bangkok) จะสามาถแก้ปัญหาใน กทม.ได้ขนาดไหน” นายพิธากล่าว
ตั้งกก.เปลี่ยนผ่านร่วมกทม.
นายพิธากล่าวว่า กฎหมาย 45 ฉบับ ที่ก้าวไกลต้องการนำเสนอ มีส่วนได้ส่วนเสีย อยู่ที่กรุงเทพฯเหมือนกัน คือการทำ พ.ร.บ. กรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯเขต ได้นำเสนอให้ผู้ว่าฯได้รับทราบไว้ นอกจากนี้ การตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านในการทำงานระหว่างกรุงเทพมหานครและพรรคก้าวไกล หรือที่เรียกว่า Bangkok transition team ก้าวไกลนำเสนอ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นประธานทางฝั่งพรรคก้าวไกล ทุกท่านอยู่ที่นี่จะเป็นส่วนประกอบของคณะกรรมการฝั่งพรรคก้าวไกล ในส่วน กทม. ผู้ว่าฯให้นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ เป็นประธาน ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อเป็นรูปธรรม
“วันนี้ไม่ใช่ประชุมเสร็จแล้วเลิกกันไป แต่คงจะกำหนดประเด็นพิจารณา ประชุมครั้งที่ 2 ที่ 3 ได้อย่างมีเนื้อมีหนัง เพื่อประโยชน์ด้านการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพของชาวกรุงเทพฯทุกคน เป็นถ้อยคำแถลงของท่านผู้ว่าฯและผม ในฐานะพรรคก้าวไกลด้วย” นายพิธากล่าว
‘โคโยตี้ลำก้า’สุราเชียงใหม่คึก
กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ประกาศนโยบายสุราก้าวหน้าสนับสนุนสุราพื้นบ้านและชุมชน ที่ จ.เชียงใหม่ นายศรุต ประกาศกิจ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประกาศกิจการสุรา หมู่ 11 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ผู้ผลิตสุรากลั่นชุมชน KOYOTEY LUMKA (โคโยตี้ ลำก้า) 60 ดีกรี เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว กลุ่มผลิตสุรากลั่นขาวจากกาแฟ ลิ้นจี่ มะม่วง ลำไย สตรอเบอรี่ มะปราง ผลไม้ตามฤดูกาล รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรมาผลิตสุรากลั่นด้วยเครื่องจักร 5 แรงม้า พนักงาน 5 คน กำลังผลิตเฉลี่ย 70-80 ลัง/เดือน หรือ 1,000 ลัง/ปี บรรจุขวดใหญ่ ราคา 420 บาท ขวดเล็ก 220 บาท ผลิตไม่ทันต่อความต้องการของตลาด หลัง กระแสนายพิธาออกมาโปรโมตสุราพื้นบ้าน ยอดขายเพิ่ม 20-30% ช่วงนี้โรงงานกำลังเร่งผลิตสุรากลั่นจากลิ้นจี่และมะม่วง เนื่องจากเป็นที่ต้องการตลาดมาก เป็นสุรากลั่นชุมชนโอท็อป ระดับ 5 ดาว หรือของฝากเชียงใหม่ บางส่วนวางจำหน่ายในคิงเพาเวอร์และดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดรัสเซียสั่งซื้อ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ แต่ไม่สามารถขายได้ เนื่องจากผลิตไม่ทันและหมดสต๊อกแล้ว ที่สำคัญไม่ส่งขายในเซเว่น หรือร้านสะดวกซื้อ
ขอรบ.ใหม่ไม่จำกัดแรงม้าผลิต
นายศรุตกล่าวว่า สุราพื้นบ้านถูกส่งเสริมตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ช่วงนั้นมีผู้ผลิตสุรากลั่นชุมชน ใน อ.สันทราย กว่า 90 ราย แต่โรงงานถูกสั่งปิดกว่า 80 ราย ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้เหลือผู้ผลิตกว่า 10 ราย เนื่องจากกรมสรรพสามิตห้ามตั้งโรงงานผลิตใกล้แหล่งน้ำ หรือห่างจากแหล่งน้ำอย่างน้อย 100 เมตร ทำให้ต้องเลิกกิจการดังกล่าว อยากเรียกร้องรัฐบาลใหม่แก้ระเบียบกฎหมายอุปสรรคการผลิตสุรากลั่นชุมชน อาทิ ไม่จำกัดแรงม้าการผลิต พร้อมผลักดัน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เข้าสู่การพิจารณาสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว พร้อมหาแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ผลิตรายย่อย เพื่อต่อยอดขยายกิจการ ยกมาตรฐานการผลิตสู่สากลมากขึ้น เพื่อขยายการส่งออกด้วย อยากฝากนายพิธาและทีมงาน อย่าโปรโมตสุราพื้นบ้านเพียงบางจังหวัด เช่น สังเวียน สุพรรณบุรี แต่ไม่มี ส.ส.พรรค ก.ก.สักคน ขณะที่เชียงใหม่เลือก ส.ส.พรรค ก.ก. 7 เขต จาก 10 เขต แต่ไม่ค่อยได้รับการเหลียวแลมากนัก อยากให้ความสำคัญส่งเสริมสนับสนุนผู้ผลิตสุรากลั่นในจังหวัดที่มี ส.ส.พรรค ก.ก.ด้วย
‘ดาวดินเบียร์’ก็ขายดี3เท่า
ที่ จ.ขอนแก่น ที่ร้าน PEOPLE BREWERY นายนิติกร ค้ำชู หรือตอง ดาวดิน หรือตอง โรงต้ม ผู้ผลิตเครื่องดื่มดาวดินเบียร์ เปิดเผยว่า เบียร์ดาวดินเองแม้จะไม่ได้ถูกพูดถึงเท่าไหร่นัก แต่ก็มีผลดีมาถึง มีคนสนใจติดต่อสอบถามเข้ามาเยอะมาก มากกว่าช่วงปกติ 2-3 เท่า ทำให้ทุกแบรนด์ไม่ว่าสุราหรือเบียร์ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น นายพิธาออกมาพูดเป็นเรื่องดีกระตุ้นส่งเสริมสุราท้องถิ่น ในอีกแง่มีรายงานว่าคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำลังจะออก พ.ร.บ.ตัวใหม่ออกมา สาระสำคัญคือห้ามบริโภคและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเที่ยงคืน หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับทั้งผู้บริโภคและผู้จำหน่าย เราเห็นการต่อสู้กันของ 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายกำลังหาวิธีควบคุม และฝ่ายส่งเสริมสนับสนุนสุราไทย หลายคนมองว่าเป็นซอฟต์เพาเวอร์กระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ ช่วยการท่องเที่ยว ช่วยเหลือเกษตรกร จะเติบโตตามไปด้วย ส่งเสริมให้เกิดผู้ผลิตหน้าใหม่ ไม่ใช่เพียงไม่กี่คนเช่นทุกวันนี้ อยากฝากถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสุราก้าวหน้าว่าต้องเริ่มจากการส่งเสริมให้มีผู้ผลิตรายย่อยเพิ่มมากขึ้น ช่วยส่งเสริมวัตถุดิบในท้องถิ่น สามารถนำไปทำอะไรต่อได้บ้าง เพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพ แก้ไขระบบภาษีมีขั้นตอนและซ้ำซ้อนให้ง่ายขึ้น
‘สุราท้องถิ่นน่าน’คึกยกแผง
ที่ จ.น่าน นายชลธี ทำทิพย์ เจ้าของสุราท้องถิ่น ยี่ห้อล่องน่าน เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าแบรนด์ล่องน่านจะไม่ได้ถูกกล่าวถึงโดยตรง แต่ก็ได้รับผลดีไปด้วย ลูกค้าสั่งซื้อจำนวนมาก จนสินค้าในสต๊อกหมดเกลี้ยง ต้องปรับเป็นรับแบบพรีออเดอร์ หวังว่ารัฐบาลใหม่จะสนับสนุนสุราท้องถิ่นจริงจัง ยกระดับสุราท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับในทุกชนชั้น เปิดตลาดในต่างประเทศด้วย
น.ส.พัทธนันท์ โชติกรฐิติภัสร์ สุราท้องถิ่นยี่ห้อกระซิบรัก เปิดเผยว่า ขายดีมากที่สุดตั้งแต่ขายมา ต้องขอขอบคุณนายพิธาช่วยปลุกกระแส สุราท้องถิ่นในจังหวัดน่าน ส่วนใหญ่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นใช้สูตรดั้งเดิมมีวัตถุดิบจากข้าวและลูกแป้งรสชาติจะแตกต่างกันไปก็ขึ้นอยู่จากเทคนิคของแต่ละยี่ห้อ เชื่อว่าหากสุราท้องถิ่นได้มีโอกาสทางการตลาด จะช่วยสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้ดีขึ้น
ขณะที่ นายจิตติ บุบผา เจ้าของสุราท้องถิ่นยี่ห้อไทพวน กล่าวว่า นำภูมิปัญญาทำสุราท้องถิ่น มารวมกับอัตลักษณ์ความเป็นชาติพันธุ์ไทพวน ไว้บนขวดจนได้รับความนิยม ยังคงยืนยันว่าแม้จะขายดีจนผลิตไม่ทัน ลูกค้าได้สินค้าช้าหน่อย แต่มั่นใจได้ในคุณภาพ และรสชาติ
น.ส.นิดา ธรรมดูล เจ้าของยี่ห้อเห๊มาะ และไวน์เนอรี่ กล่าวว่า ขณะนี้ขายดีเฉลี่ยวันละกว่า 100 ขวด ทำให้มีกำลังใจพัฒนาสินค้า เตรียมออกแบบขวดบรรจุ แพคเกจจิ้งให้ทันสมัย ถูกใจลูกค้าหลากหลายกลุ่ม รวมทั้งรองรับการท่องเที่ยวด้วย
‘ซอดแจ้ง’อุบลฯยอดทะลัก
ที่ จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พูดถึงเรื่องสุราก้าวหน้าว่าถ้าเราปลดล็อกตรงนี้เขาก็อาจเพิ่มกำลังผลิตได้เป็น 2 เท่า เป็นอีกนโยบายเศรษฐกิจ จะทำให้สินค้าการเกษตรกลายเป็นผลิตภัณฑ์ สามารถเพิ่มราคาสินค้าการเกษตรได้ด้วย นายพิธาได้พูดถึงชื่อแบรนด์สุรากลั่นของแต่ละจังหวัด ในเวลาต่อมาแบรนด์สุราซอดแจ้ง สุรากลั่นชุมชนของจังหวัดอุบลราชธานี มียอดสั่งจนหมดเกลี้ยงโรงงานชนิดที่ผลิตไม่ทัน โดยทางเพจของร้านระบุว่า คราวหน้ารบกวนท่านพิธาแจ้งล่วงหน้าก่อนสักเดือนเด้อครับ ซิได้เตรียมพร้อม
ส.แอลกอฮอล์ค้านห้ามดริงก์
นายธนากร คุปตจิตต์ ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวถึงกรณีสำนักคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค เปิดรับฟังร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมาตรการทางกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์ปัจจุบัน ว่า ได้รับเชิญให้ไปรับฟังและออกความเห็นในฐานะตัวแทนสมาคมฯ และอยู่ในแวดวงธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เห็นด้วยกับการยกร่าง พ.ร.บ. แต่ไม่เห็นด้วยหลายประเด็น ตั้งสังเกตว่าการยกร่างแก้ไข พ.ร.บ. 37 มาตรการ แต่สอบถาม 9 ข้อกับ 4 มาตรการ ที่เหลือ 33 มาตรการไม่สอบถาม เป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ประเด็นหลักผู้ประกอบการไม่เห็นด้วย คือ 1.การห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาห้ามจำหน่าย (ปัจจุบันกำหนดห้ามจำหน่ายช่วงเวลา 14.00-17.00 น.) 2.เพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสถานประกอบการ ที่สงสัยว่าจะมีการกระทำผิดปล่อยให้มีการดื่มในช่วงเวลาห้ามขาย (ปัจจุบันต้องมีการขอหมายและขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าตรวจสถานประกอบการ) 3.เพิ่มโทษปรับเงินผู้ฝ่าฝืนทั่วไป สูงสุด 3 หมื่นบาท (ปัจจุบันไม่มีบทลงโทษนี้) และ 4.เพิ่มค่าปรับสำหรับบริษัทนำเข้าหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หากฝ่าฝืนข้อห้ามตาม พ.ร.บ.สูงสุดหลักล้านบาท รวมถึงห้ามโฆษณายี่ห้อ และห้ามทำสินค้าอื่นที่ใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้ยี่ห้อนั้นทำมาก่อนที่มีกฎหมายห้ามไว้
ย้ำสวนทางร่างกม.เอกชน
นายธนากรกล่าวว่า ประเด็นที่กรมควบคุมโรคจะยกร่าง พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งนี้ สวนทางกับข้อเสนอก่อนหน้านี้ที่กลุ่มภาคเอกชนด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เคยนำเสนอไว้ เป็นร่าง พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภาคประชาชน ทำไว้ก่อนการจัดเลือกตั้ง และรอการเข้าสภาผู้แทนฯพิจารณา ประเด็นที่ผู้ประกอบการนำเสนอ คือ ยกเลิกการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเวลา 14.00-17.00 น. ขยายเวลาเปิดให้บริการของสถานประกอบการบันเทิง พร้อมจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไปถึง 02.00-04.00 น. ขึ้นกับพื้นที่นั้นมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีกำลังซื้อและนิยมการกินดื่มในเวลาค่ำคืนเหมือนในต่างประเทศ นำร่องในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่มีต่างชาติเที่ยวแยะ อาทิ ภูเก็ต สมุย เป็นต้น รวมถึงยกเลิกกฎกติกา หรือการควบคุมที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าปกติ เช่น การนำเสนอเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ณ จุดขาย อย่างในผับบาร์ เป็นต้น
เชื่อสุราก้าวหน้าบริโภคไม่เพิ่ม
นายธนากรกล่าวว่า นอกจากนี้ การยกร่าง พ.ร.บ.นี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ลดโอกาสแนวคิดส่งเสริมเหล้าท้องถิ่น สุราพื้นบ้าน สุราก้าวหน้า แค่เรื่องห้ามนำเสนอตราและโฆษณาใดๆ คนจะรับรู้อย่างไร ตอนนี้สุราพื้นบ้านขายได้ขายดี หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี หยิบยกขึ้นมาพูดถึง ต่อไปหากออกกฎหมายใหม่ หากพูดถึงเครื่องหมายการค้าอาจถูกปรับ 5 แสนถึง 1 ล้านบาท แนวคิดสุราก้าวหน้าส่งเสริมสุราพื้นบ้าน ไม่ได้กระตุ้นเพิ่มคนดื่มสุรา แต่เพิ่มจำนวนผู้ค้าให้แข่งขันในตลาดมากขึ้น ข้อดีเป็นการเพิ่มผู้ผลิตรายย่อย สร้างอาชีพ สร้างรายได้เกษตรกรผู้ผลิตพืชเพื่อนำมาผลิตสุรา ผู้บริโภคไม่ได้เพิ่มมากจนน่ากังวล หากรณรงค์และควบคุมความปลอดภัยของผู้ดื่ม แต่จะสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและส่งออกในอนาคต เมื่อสุราพื้นบ้านไทยเป็นที่รู้จักของต่างชาติ เหมือน สาเก (เหล้าญี่ปุ่น) หรือโซจู (สุราหมักเกาหลี) นำเข้ามาขายในไทยมากขึ้น อยากเสนอให้รัฐคำนึงว่าจะออกมาตรการอะไร ควรสอดคล้องกับสถานการณ์ ไม่เป็นอุปสรรต่อการค้าปกติ ตอนนี้กลุ่มผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวและการบริการหลายสิบองค์กรรวมตัวครั้งใหญ่ เพื่อหารือและจัดเตรียมทำหนังสือรวมปัญหาสถานการณ์และข้อเสนอต่างๆ รอเสนอให้กับรัฐบาลใหม่ หลายปัญหาต้องเร่งแก้ก่อนไฮซีซั่นการท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้ายปีนี้
กลุ่มกัญชาเชิญก.ก.จับเข่าคุย
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เปิดเผยว่า เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เตรียมจัดกิจกรรม วันกัญชาไทย 9 มิถุนายนนี้ ที่สำนักงาน กพร.ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาลประตู 1 มีเป้าหมายเชิญชวนทุกฝ่ายมาเริ่มต้นขั้นตอนการกำหนดนโยบายกัญชาที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมาถูกฝ่ายการเมืองปั่นเรื่องกัญชาจนห่างไกลจากข้อเท็จจริง พรรคการเมืองกำหนดนโยบายกัญชาจากการอยากเอาชนะกันทางการเมือง ส่งผลร้ายต่อความมั่นคงทางยาของประชาชน จากการกำหนดนโยบายที่ผิดพลาด วันงานได้เชิญตัวแทนพรรคก้าวไกลให้นำผลการศึกษาเปรียบเทียบระหว่าง สุรา บุหรี่ และกัญชามาแสดงด้วย เพื่อเป็นข้อมูลตั้งต้นคุยกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา-กรมแพทย์แผนไทย-กรมวิชาการเกษตร-กรมศุลกากร-กรมคุ้มครองเด็กและเยาวชน ปปส. องค์กรทำงานด้านเด็กและเยาวชน มาร่วมกันกำหนดอนาคตกัญชาไทย
เปิดข้อมูลรอบด้านวางอนาคต
นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมากัญชาถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดมานานกว่า 40 ปี ทำให้กัญชาถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่ดี หากจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม ขอให้ทุกฝ่าย ศึกษารับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกัญชา เริ่มที่ข้อเท็จจริงของกัญชาอย่างรอบด้าน เมื่อเราเข้าถึงข้อมูลอย่างรอบด้าน เราสามารถพิจารณาต่อได้ว่า จะใช้เครื่องมือใดกำหนดอนาคตกัญชาที่สามารถนำข้อดีของกัญชามาใช้และใช้กฎหมายนั้น ควบคุมข้อเสีย กัญชาต้องควบคุมเชิงระบบและกฎหมายใดเอื้อให้เราควบคุมกัญชาเชิงระบบ ระหว่าง 1.กฎหมายยาเสพติดมีเป้าหมายการจำกัดเสรีภาพ 2.กฎหมาย พ.ร.บ.ที่มีส่วนร่วมของประชาชนออกแบบและเห็นชอบโดยตัวแทนของประชาชนคือสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายชนิดใดควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพในระบอบประชาธิปไตย เป็นประโยชน์กับประชาชนสอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน มาร่วมกันทำให้กฎหมายกัญชาสง่างามตามข้อเท็จจริง ไม่หลงอยู่ท่ามกลางการเอาชนะทางการเมือง
นายอัครเดช ฉากจินดา ผู้ประสานงาน เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เปิดเผยว่า กรณีพรรคก้าวไกลจะนำกัญชากลับไปสู่ยาเสพติด เครือข่ายภาคประชาชนไม่เห็นด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง วาระที่ 1 วาระที่ 2 ไปแล้ว สามารถผลักเข้าสภาพิจารณาวาระต่อไปได้ทันที
บางกลอยขอกลับใจแผ่นดิน
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 26/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการให้แก้ไขดำเนินการให้ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย หมู่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี 150 คน กลับไปในพื้นที่กลางป่าลึกหรือบริเวณที่เรียกว่าใจแผ่นดิน ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมรดกโลกได้นั้น
นายพงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร อายุ 27 ปี ผู้ประสานงานเครือข่ายกลุ่มสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ขณะนี้บ้านบางกลอยมีประมาณ 115 ครอบครัว มีประชากรประมาณ 800 คน มีประมาณ 30 ครอบครัว ประสงค์จะขึ้นไปอยู่บ้านใจแผ่นดิน เพราะเคยทำมาหากินและคุ้นเคย ส่วนใหญ่ปลูกข้าว พืชหมุนเวียน เกษตรผสมผสาน ผลิตเองกินเอง ไม่ได้เหลือไว้จำหน่ายแต่อย่างใด เพราะระยะทางไกลและลำบาก จึงไม่มีใครลงทุนขึ้นไปรับผลผลิตลงมาจำหน่าย ตอนพวกเราถูกให้ลงมาอยู่ข้างล่าง วิถีของพวกเราปรับเปลี่ยนไป ทั้งความเชื่อ วัฒนธรรม วิถีความเป็นอยู่ดั้งเดิม เด็กกะเหรี่ยงรุ่นใหม่จะไม่รู้จักกันแล้ว ตามขั้นตอนขณะนี้ยังไม่สามารถขึ้นไปข้างบนได้ เพราะอยู่ระหว่างการทำข้อตกลงของคณะกรรมการสิทธิฯที่เป็นตัวแทนของพวกเรา และต้องรอรัฐบาลใหม่ว่าจะสานต่อในเรื่องนี้อย่างไร อย่างน้อยถ้ามีเงื่อนเวลาก็ขอขึ้นไปอยู่สัก 5 ปี โดยขอให้รัฐบาลส่งเสริมความสะดวกในชีวิตความเป็นอยู่ให้เราด้วย ระยะทางจากบ้านบางกลอยไปยังบ้านใจแผ่นดิน รถไม่สามารถขึ้นไปได้ ถ้าเดินขึ้นไปโดยมีคนแก่และเด็กต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน ถ้าคนหนุ่มสาวเดินเร็วหน่อยก็ประมาณ 1 วัน
ปลัดศธ.พร้อมร่วมมือรบ.ใหม่
ที่ จ.ขอนแก่น ที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น จ.ขอนแก่น นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน 6 ปีแห่งการบูรณาการ สานพลังปฏิรูปการศึกษา พัฒนาคนขอนแก่น พร้อมกับมอบนโยบายการพัฒนาการศึกษา โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และสถานศึกษาในสังกัดเข้าร่วม
นายอรรถพลกล่าวว่า การจัดการศึกษากระทรวงมีแผนการศึกษาแห่งชาติ ต้องขับเคลื่อนแนวทางการศึกษาตามแผนการศึกษาแห่งชาติ เป็นแผน 20 ปี จะปรับแผนทุก 5 ปี รูปแบบการศึกษาในอนาคตภายใต้รัฐบาลใหม่ การผลิตคนเราใช้ความรู้สึกไม่ได้ ต้องมอง 10 20 ปีข้างหน้า เด็กไทยจะมีความรู้ความสามารถมากน้อยแค่ไหนในตลาดและในอนาคต การจัดการศึกษาต้องเพิ่มการศึกษาพันธกิจข้อที่ 1 คือ ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬา ควบคู่เทคโนโลยี ดังนั้น ผู้เรียนในอนาคตรัฐบาลต้องให้ความสำคัญต้องปรับแผนการเรียนรู้เฉพาะบุคคล ควบคู่การจัดพื้นที่นวัตกรรม ตอบโจทก์ของการศึกษา เชื่อว่าหากใช้แนวทางที่กระทรวงทำมาร่วมกับแนวทางของรัฐบาลใหม่มีมุมมองเชิงนโยบายและอนาคต จะทำให้การศึกษาและคุณภาพของเด็กไทยสอดคล้องตามความต้องการภาคสังคม
ขรก.เกษียณสอนผู้ไม่มีโอกาส
นายอรรถพลกล่าวว่า ยอมรับว่าปัจจุบันการศึกษายังเหลื่อมล้ำ จำแนกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ไม่มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษา เราก็ใช้บทบาทของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และอาสาสมัครของกระทรวงไปค้นหากลุ่มคนเหล่านี้ นำข้าราชการเกษียณแล้ว แต่เป็นผู้มีความรู้ทางวิชาชีพครูไปสอนคนเหล่านี้อ่านออกเขียนได้ หากกลุ่มคนเหล่านี้รู้สึกว่าการศึกษามีความสำคัญ เราก็ส่งไม้ต่อให้กับกรมส่งเสริมการเรียนรู้ มีทั้งศูนย์การเรียนรู้ประจำชุมชน โรงเรียนขยายโอกาสในเชิงพื้นที่ ขณะเดียวกันหากเด็กมองว่าระบบการศึกษาไม่ตอบโจทก์ อยากออกไปทำงาน ก็ส่งเสริมการประกอบอาชีพผ่านแพลตฟอร์มของวิทยาลัยสารพัดช่างของอาชีวศึกษา รวมทั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อให้เด็กมีงานทำได้ในอนาคต
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 8 มิ.ย. 2566 (กรอบบ่าย)