หวังก้าวไกลจัดการ
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สหพันธ์ขนส่งฯ พร้อมสมาชิกผู้ประกอบการรถบรรทุกกว่า 400,000 คัน ได้สะท้อนปัญหาอิทธิพลส่วยรถบรรทุกกับการคอร์รัปชัน รวมทั้งการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด ให้กับผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล นำทีมโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ในโอกาสที่ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
เนื่องจากเป็นปัญหาสำคัญ ทำให้ถนนและสะพานชำรุดพังเสียหายก่อนถึงอายุใช้งาน เสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนและปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน ภาครัฐต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงถนนทั่วประเทศมูลค่ามหาศาล แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง แม้ที่ผ่านมาได้ให้ข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจทางหลวง กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และจัดเสวนาวิชาการหัวข้อ “อิทธิพลส่วยรถบรรทุกกับการคอรัปชั่น” แลกเปลี่ยนมุมมองและข้อเสนอเชิงนโยบายของพรรคการเมือง ที่มีต่อการออกกฎหมายบังคับใช้ เพื่อพัฒนาภาคขนส่งและ โลจิสติกส์ของประเทศไทยที่เป็นธรรมกับประชาชนและสอดรับกับบริบทของประเทศไทย มีหลายพรรคการเมืองเข้าร่วม ที่โรงแรม รามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 65 เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาให้หมดไป แต่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ปัญหาส่วยรถบรรทุกและการคอร์รัปชันสั่งสมมานานในสังคมไทยกว่า 30-40 ปี ปัจจุบันราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น เกิดการแข่งขันทางธุรกิจอย่างรุนแรง ทำให้บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าพิกัดที่กฎหมายกำหนดอย่างแพร่หลายเพื่อลดต้นทุนให้บรรทุกได้จำนวนมาก ขณะที่ส่วยรถบรรทุกเกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สติกเกอร์ส่วย คือจ่ายส่วยรถบรรทุกในราคาเหมาจ่ายจากนั้นจะได้รับสติกเกอร์ เพื่อให้บรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนดได้ ราคาเหมาจ่ายมีตั้งแต่ 5,000-27,000 บาทต่อคันต่อเดือน
สหพันธ์ฯ ได้แจ้งตำรวจทางหลวงและ ทล. ให้เข้มข้นตรวจจับ ซึ่งได้รับความร่วมมือ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ประสบความสำเร็จต่อไป สหพันธ์ฯ สะท้อนปัญหาครั้งนี้ในฐานะประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งเท่านั้น ไม่ได้ฝักใฝ่พรรค การเมืองใดหากพรรคการเมืองไหนจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการรถบรรทุก พร้อมจะเลือก และถ้าได้รัฐบาลใหม่แล้วพร้อมเข้าไปให้ข้อมูลเพื่อให้เกิดนโยบายที่ดีในการบริหารจัดการต่อไป อาจไม่ประสบความสำเร็จ แต่ขอให้แก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ผู้ประกอบการรถบรรทุกก็พอใจแล้ว
ทั้งนี้สหพันธ์ฯ ยังไปหารือนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ขอให้ช่วยเหลือหาที่อยู่อาศัยให้ผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุก 400-500 ราย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกไล่ในพื้นที่ทำมาหากินในเขตทวีวัฒนา ซึ่งอยู่อาศัยมากว่า 20 ปี เดิมทีเป็นพื้นที่ว่างเปล่า แต่สภาพปัจจุบันเปลี่ยนไปมีความเจริญของเมืองมากขึ้น มีการสร้างหมู่บ้านจัดสรร กทม. จะขอพื้นที่คืน จนเกิดปัญหาการฟ้องร้องตามมา โดยเสนอให้จัดตั้งเป็นนิคมการกระจายสินค้าทั่วประเทศบริเวณพื้นที่ชานเมือง เพื่อประกอบการขนส่งสินค้าได้อย่างถาวร ไม่ต้องหวั่นโดนไล่ที่อีก ซึ่งนายชัชชาติได้รับเรื่องหาแนวทางช่วยเหลือต่อไปภายใต้กรอบกฎหมายที่กระทำได้.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 1 พ.ค. 2566 (กรอบบ่าย)