สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในไทยเป็นไปตามคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นหลังจากจบเทศกาลสงกรานต์ 2566 โดยมี สายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังคือ สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ผสม XBB.1.16 ต่อมา เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่าปัจจุบันโควิด-19 ได้เปลี่ยนมาเป็นโรคประจำฤดูกาลการให้วัคซีนก็ปรับเป็นการให้วัคซีนแบบโรคประจำฤดูกาลจะให้ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลของโรค และจะปรับเป็นปีละครั้งเช่นเดียวกันกับไข้หวัดใหญ่ ฤดูกาลของโรคที่จะมีการระบาดเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน เช่น ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ที่มีฤดูหนาว การระบาดของโรคจะเกิดขึ้นในฤดูหนาวประเทศไทย อยู่ในเขตร้อนชื้นถึงแม้ว่าจะอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร แต่ไม่มีฤดูหนาวที่แท้จริง มีร้อนมากกับร้อนน้อย การระบาดของโรคในประเทศไทยจึงพบได้ตลอดปี แต่จะพบสูงสุดในต้นฤดูฝนหรือการเปิดเทอมแรกของนักเรียน
ศ.นพ.ยงระบุอีกว่าวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดโรคได้เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่แต่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ การให้วัคซีนจึงมุ่งเน้นในกลุ่มเสี่ยงกลุ่มเปราะบาง 608 ผู้คนที่อยู่หนาแน่นเช่นในเรือนจำเรือนจำทหาร และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีแนวโน้มที่จะเสี่ยงติดโรคง่าย ควรให้ามฤดูกาลปีละ 1 ครั้ง เวลาที่เหมาะสมในการให้วัคซีนสำหรับไทยคือก่อนที่จะมีการระบาดของโรคที่จะเกิดขึ้นในการเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปดังนั้นเวลาที่ให้วัคซีนที่เหมาะสมประจำปีจึงเป็นปลายเดือนเมษายน พฤษภาคมของทุกปี ดังนั้นผู้ที่ได้รับวัคซีนมานานแล้วเกินกว่า 3-6 เดือนขึ้นไป และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรให้วัคซีนประจำฤดูกาลปีละ 1 ครั้ง ในปีนี้สามารถเริ่มให้ได้เลยก่อนที่จะมีการระบาดของโรค โดยใช้สายพันธุ์ที่ใกล้เคียงที่สุดที่มีอยู่ แล้วค่อยไปให้ปีหน้าอีก 1 ครั้ง ทุกอย่างจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ ในคนปกติขึ้นอยู่กับความสมัครใจเช่นเดียวกันกับไข้หวัดใหญ่ แต่ผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือกลุ่มเปราะบาง เพื่อลดความรุนแรงของโรค
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคเริ่มรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ประจำปี 2566 โดยมีคำแนะนำฉีดปีละ 1 เข็ม ฉีดตั้งแต่เดือนเม.ย.ก่อนเข้าฤดูฝน ฉีดห่างจากเข็มสุดท้ายหรือการติดเชื้อครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 3 เดือน ฉีดพร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง หากฉีดไม่พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะห่างกี่วันก็ได้ โดยกรมควบคุมโรคจัดเตรียมวัคซีนให้กับทุกกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และได้มีการจัดหาวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่อายุ 12 ปีขึ้นไปด้วย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ที่หน่วยบริการตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำหนดไว้ สำหรับใน กทม.ได้แก่ ศูนย์บางรักโรงพยาบาลราชวิถี สถาบันโรคผิวหนัง สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โรงพยาบาลสงฆ์และสถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในกรุงเทพมหานครที่กลับมาพบผู้เสียชีวิตในที่พักตรวจพบติดโควิด-19 ด้วยนั้น พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัด กทม.เปิดเผยว่า สถิติของผู้ป่วยโควิดใน กทม.เพิ่มขึ้นจากเดิมก่อนสงกรานต์ที่วันละ 300-400 ราย ตอนนี้หลังสงกรานต์มีรายงานล่าสุดอยู่ที่ประมาณกว่า 700 ราย และยังมีที่ไม่ได้อยู่ในระบบรายงานอีก รวมแล้วน่าจะเป็นหลักพัน แต่ไม่อยากให้ตื่นตระหนกมาก เพราะว่ายังเป็นโควิดสายพันธุ์เดิม ส่วนสายพันธุ์ใหม่ที่กังวลกันว่าจะทำให้เกิดการระบาดมากขึ้นยังพบไม่มาก อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนนำมาตรการเดิมมาใช้ ได้แก่ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลและล้างมือบ่อยๆส่วนการฉีดวัคซีนในคนที่มีความเสี่ยงหรือกลุ่มเปราะบาง กทม.ยังมีวัคซีนทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตราเซเนกา และยังมีการให้บริการภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป LAAB ในกลุ่มที่มีภูมิไม่ดี คนที่เป็นโรคไตคนที่เป็น HIV หรือได้รับยากดภูมิต่างๆเพราะฉะนั้นขอประชาสัมพันธ์ว่าคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในช่วง 4-6 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง มีให้บริการทุกวันศุกร์ในช่วงบ่าย ถ้าไม่แน่ใจสามารถโทรศัพท์ไปสอบถามก่อนหรือจองผ่านแอปฯ QueQ นอกจากนี้ยังมีให้บริการที่โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ 11 แห่งและโรงพยาบาลวชิรพยาบาลโดยยังให้บริการฟรีและมีวัคซีนเพียงพอ
ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 25 เม.ย. 2566 (กรอบบ่าย)