กทม.เตรียมยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองเพิกถอนประกาศกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวปลาย เม.ย.นี้
นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวถึงการดำเนินการของ กทม.ภายหลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศ กทม. เรื่อง การกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า กรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศฉบับดังกล่าว โดยพิจารณาว่า กทม.จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ ๒๖ พ.ย.๒๕๖๑ คือ ต้องบูรณาการร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม ไม่ก่อให้เกิดภาระต่อประชาชนผู้ใช้บริการมากเกินไป ซึ่ง กทม.มีเหตุผลในการยื่นขออุทธรณ์ต่อศาล เนื่องจากตามข้อเท็จจริง มติ ครม.ดังกล่าวต้องการให้เกิดผลการคิดอัตราค่าโดยสารจากการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ กทม.รับผิดชอบกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบ เพื่อตกลงอัตราค่าแรกเข้าและอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมเป็นธรรม ไม่ก่อให้เกิดภาระต่อประชาชนมากเกินไป ส่วนการออกประกาศค่าโดยสารที่เป็นประเด็นขอเพิกถอนในครั้งนี้เป็นการคิดอัตราค่าโดยสารเฉพาะสายสีเขียวระหว่างส่วนสัมปทานและส่วนต่อขยายที่ กทม.รับผิดชอบเพียงหน่วยงานเดียว โดยที่ผ่านมา กทม.ได้ออกประกาศค่าโดยสารและบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ประกาศ กทม.เมื่อวันที่ ๒๙ มี.ค.๒๕๖๐ เรื่อง ค่าโดยสารโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ตอนที่ ๑ (ซอยสุขุมวิท ๘๕-๑๐๗) ระยะทาง ๕.๒๕ กม. และส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ ๒ (ตากสิน-เพชรเกษม) ระยะทาง ๕.๓ กม. อย่างไรก็ตาม กทม.จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองประมาณปลายเดือน เม.ย.นี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กทม.ได้บูรณาการร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการกำหนดอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้า โดยร่วมเป็นคณะทำงานให้ความเห็นและให้ข้อเสนอแนะที่ปรึกษาโครงการศึกษากำหนดอัตราค่าโดยสารขั้นสูง ค่าแรกเข้า และหลักเกณฑ์การขึ้นอัตราค่าโดยสารขนส่งมวลชนระบบราง เมื่อผลการศึกษาดังกล่าวแล้วเสร็จ กทม.จะนำผลการศึกษาดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางการปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้บริการต่อไป
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งระบบ กทม.ได้เสนอต่อกระทรวงมหาดไทยแล้วว่า เห็นควรที่จะดำเนินการโครงการฯ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.๒๕๖๒ เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนมีความรอบคอบ มีการพิจารณาข้อมูลรอบด้านและตรวจสอบได้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในการได้รับบริการของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพื่อให้การเดินรถเป็นโครงข่ายเดียวกันอย่างต่อเนื่อง (Through Operation) และอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางของประชาชนผู้โดยสาร ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพต่อระบบคมนาคมขนส่งในกรุงเทพฯ ต่อไป
เขตห้วยขวางประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยเพลิงไหม้ชุมชนโรงปูนฝั่งเหนือ
นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในชุมชนโรงปูนฝั่งเหนือ ซอยเพชรพระราม ๑ ว่า จากการตรวจสอบบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ลักษณะบ้านเรือนประชาชนจะเป็นบ้านไม้ ๒ ชั้น ปลูกติดกันหลายหลัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ ๒ ไร่ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนประสบอัคคีภัย จำนวน ๓๖ ครอบครัว ๑๑๓ ราย เป็นชาย ๔๓ ราย หญิง ๔๗ ราย เด็กชาย ๑๑ ราย และเด็กหญิง ๑๒ ราย โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้ประสานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเปิดรับลงทะเบียนผู้ประสบภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นในการมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงสำรวจความเสียหายสถานที่เกิดเหตุ โดยสำนักงานเขตฯ ได้ออกหนังสือรับรองผู้ประสบภัยแล้วทั้งสิ้น ๓๖ ครัวเรือน พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาทิ กรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้ความช่วยเหลือเรื่องของใช้จำเป็น เช่น เตียงกระดาษ และเงินสงเคราะห์สำหรับผู้ประสบภัย สำนักอนามัย สนับสนุนหน่วยพยาบาลเคลื่อนที่ตรวจสุขภาพแก่ผู้ประสบภัย สถานีตำรวจนครบาลมักกะสันอำนวยความสะดวกการรับแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ณ สถานที่เกิดเหตุ การไฟฟ้านครหลวงเขตบางกะปิ ติดตั้งมิเตอร์ไฟชั่วคราวเพื่อผู้ประสบภัยที่พักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว สำนักงานเขตวังทองหลางสนับสนุนเต็นท์ เพื่อเป็นที่พักพิงชั่วคราว รวมถึงสภากาชาดไทยและ มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง นอกจากนี้ ยังได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระมัดระวังบ้านเรือนของตนเอง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยอย่างต่อเนื่อง
เขตวัฒนาแก้ปัญหาสิ่งกีดขวางบนสะพานข้ามคลองแสนแสบ ถนนอโศก-เพชรบุรี พร้อมพิจารณาปรับปรุงทางเท้า-ทางเดินลอดใต้สะพาน
นางสาวสุชิรา ศิลานนท์ ผู้อำนวยการเขตวัฒนา กทม.กล่าวกรณีประชาชนขอให้แก้ปัญหาสิ่งกีดขวาง รวมทั้งปรับปรุงทางเท้าบนสะพานลาดและทางเดินลอดใต้สะพานข้ามคลองแสนแสบ ถนนอโศก-เพชรบุรี (ท่าเรืออโศก) ว่า สะพานข้ามคลองแสนแสบ ถนนอโศก-เพชรบุรี (ท่าเรืออโศก) อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา จึงได้ประสานเพื่อพิจารณาดำเนินการปรับปรุงทางเท้าบนสะพานข้ามคลองแสนแสบ ถนนอโศก-เพชรบุรี (ท่าเรืออโศก) ให้เป็นทางลาด พร้อมทั้งปรับปรุงทางเดินลอดใต้สะพานให้สามารถเดินขึ้นบนถนนได้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการสัญจร รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสำนักงานเขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและแก้ไขเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางการสัญจร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนเรียบร้อยแล้ว