(10 เม.ย.66) เวลา 13.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2566 ร่วมกับ พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และคณะอนุกรรมการ ณ ห้องนพรัตน์ ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร
ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า การหารือวันนี้เป็นเรื่องของกลไกการทำงานในการมีส่วนร่วมของประชาชนซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายป.ป.ช. ที่ต้องสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา กลไกจึงแบ่งเป็นระดับภาคและกรุงเทพมหานคร โดยในส่วนของกรุงเทพมหานครจะมีอนุกรรมการในการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วม นอกจากนั้นรัฐบาลจะสนับสนุนในส่วนภูมิภาคในระดับจังหวัดโดยมีคณะกรรมการผลักดันการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สำหรับกทม.นั้นผู้ว่าฯ กทม.ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กรุงเทพมหานคร ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตซึ่งมีความเข้มข้นในระดับของจังหวัดที่เป็นเขตปกครองพิเศษ และมีความครบถ้วนในกระบวนการทำงานร่วมกันกับป.ป.ช. โดยเฉพาะในด้านของการป้องกันการทุจริตซึ่งมีหลายกลไกที่ป.ป.ช.ได้ดำเนินการ อาทิ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในโรงเรียนสังกัดกทม. การแนะนำหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนาโดยพระสงฆ์ การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส(ITA) ซึ่งนอกจากจะประเมินฯ องค์กรกทม.แล้ว จะสนับสนุนให้มีการประเมินสำนักงานเขต 50 เขต ตำรวจนครบาล 88 สถานี เพื่อดูว่าการให้บริการประชาชนมีความครบถ้วนเป็นไปตามความประสงค์ของประชาชนหรือไม่ มีความครบถ้วนในรูปแบบ Open Data เปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนรับทราบครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่กทม.จะมีการตั้งคณะทำงาน 6 คณะ ร่วมกันทำงานกับป.ป.ช.ในทุกมิติ ซึ่งน่าดีใจที่ผู้ว่าฯ กทม.กับคณะตื่นตัวและใส่ใจในเรื่องการแก้ไขการทุจริตอย่างจริงจัง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า กทม.ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กรุงเทพมหานคร เมื่อปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธาน และมีผู้แทนจากป.ป.ช.และป.ป.ท.ร่วมด้วย รวมถึงมีศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร โดยมีนายเฉลิมพล โชตินุชิตรองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน เพื่อเร่งรัดการดำเนินการต่อต้านการทุจริตในกทม. ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ลำดับต้นที่ต้องเร่งดำเนินการ วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ได้ชี้แจงการดำเนินการให้ทางคณะอนุกรรมการของป.ป.ช.ทราบ เพื่อหาแนวทางดำเนินการร่วมกันในอนาคต ซึ่งนโยบายที่ป.ป.ช.มอบหมายมาคือการป้องปราม ก่อนที่จะเกิดเหตุเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการให้การศึกษา การประเมินผลฯ การตรวจสอบแผนโครงการที่มีความเสี่ยงทุจริต ซึ่งต้องดำเนินการตามเป้าหมายและจริงจัง เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเพิ่มดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทยและเพิ่ม ranking ในอันดับของโลก และสอดคล้องกับนโยบายของกทม.ที่มีแนวคิดที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ดังนั้นถ้าเมืองไม่โปร่งใสก็ไม่สามารถที่จะเป็นเมืองที่น่าอยู่ได้ ซึ่งการก้าวเท้าแรกเป็นสิ่งที่สำคัญถ้าเราก้าวถูกต้องทุกอย่างจะดำเนินการได้ไม่ยาก หากก้าวผิดพลาดแล้วต้องมาตามแก้ไขทีหลังนั่นคือสิ่งที่ยาก กทม.จะร่วมมือกับป.ป.ช.อย่างเข้มข้น จึงขอเตือนผู้ที่คิดจะกระทำผิดว่าหากพบการกระทำผิดจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดทันที
โจทย์ใหญ่ที่กทม.ต้องเร่งดำเนินการจากการได้รับแจ้งจากประชาชน ได้แก่ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง การขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร เรื่องการรับผลประโยชน์ของเทศกิจ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจากประชาชนมีค่ามาก เนื่องจากทำให้ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้กทม.นำไปปรับปรุงระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ของฝ่ายโยธาฝ่ายรายได้ ฝ่ายเทศกิจ นอกจากนี้กทม.ยังมีอีกหนึ่งโครงการกระจายอำนาจให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดสิ่งที่ตนเองต้องการโดยให้งบประมาณสู่ชุมชนๆ ละ 200,000 บาท ซึ่งป.ป.ช. ให้เป็นโครงการต้นแบบในเรื่องของความโปร่งใสและเป็นเรื่องสำคัญของการกระจายอำนาจเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจด้านความต้องการของคนในชุมชน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้โปร่งใส ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างด้วย ซึ่งป.ป.ช.ได้ร่วมให้ความคิดเห็นในโครงการดังกล่าวซึ่งหากสำเร็จก็จะเป็นโครงการต้นแบบการกระจายอำนาจให้กับประชาชน
ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวเสริมว่า อยากเห็นกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยที่น่าภาคภูมิใจ เพื่อให้คนเข้ามาอยู่อาศัย มาท่องเที่ยว มาลงทุน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ถ้าทุกคนร่วมมือกันและช่วยกัน จะทำให้คะแนน CPI ของประเทศไทยดีขึ้น เพื่อตอกย้ำให้ชาวต่างชาติเห็นในสิ่งที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการและตอกย้ำให้เห็นถึงสิ่งที่ประเทศไทยควรจะเป็นมากขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินภารกิจป้องกันการทุจริตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการขับเคลื่อนการรณรงค์ ให้ความรู้ สร้างความตระหนัก ส่งเสริมการรวมตัวกันของทุกภาคส่วนเพื่อมีส่วนร่วมต่อต้านการทุจริต ผลักดันการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรการป้องกันการทุจริต ตลอดจนสนับสนุนให้มีการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสเพื่อระงับยับยั้งบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทุจริต เพื่อบรรลุเป้าหมายการยกระดับกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองหลวงที่โปร่งใส ไร้สินบนและการทุจริตทุกรูปแบบ
ในส่วนของการขับเคลื่อนภารกิจป้องกันการทุจริตตังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นกลไกระดับบโยบาย มีประธานกรรมการ ป.ป.ช.(พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ) เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นรองประธานอนุกรรมการ และมีอนุกรรมการ ประกอบด้วย เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลอดจน ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจการป้องกันการทุจริตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
#บริหารจัดการดี
—————-