(10 พ.ย.65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเปิดงานสัมมนาว่าด้วยน้ำและการจัดการน้ำเสียระหว่างไทยกับสวีเดน (Thai-Swedish Water and Wastewater Seminar) จัดโดย เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย โดยมี นายยูน ออสเตริม เกรินดาห์ล (Jon Åström Gröndahl) เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย และนายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ร่วมกล่าว ณ ห้อง Auditorium ชั้น 2 ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า น้ำเป็นพื้นฐานของทุกด้านของชีวิตซึ่งมักถูกกล่าวถึงในเวทีระหว่างประเทศต่างๆ เนื่องจากปัญหาน้ำเป็นหนึ่งในความเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเวทีโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้บางส่วนของ “วัฏจักรของน้ำ” เร็วขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นทำให้อัตราการระเหยทั่วโลกเพิ่มขึ้น การระเหยมากขึ้นทำให้เกิดฝนเพิ่มขึ้น World Economic Forum ได้จัดอันดับให้วิกฤตการณ์น้ำเป็นอันดับหนึ่งในการประเมินความเสี่ยงทั่วโลกในปี 2558 การบริหารจัดการแบบเดิมไม่สามารถตามทันผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อแหล่งน้ำทั่วโลกได้
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กรุงเทพฯได้พบเจอปัญหาน้ำทั้งน้ำท่วมและน้ำเสีย ซึ่งปัญหาน้ำท่วมเกิดจากปริมาณน้ำฝนในเดือนกันยายน 65 (801.5 มม.) ซึ่งมีปริมาณ 1.5 เท่าของค่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 30 ปีของเดือนกันยายน (322.6 มม.) เพื่อรองรับสถานการณ์ กทม. ได้ขุดลอกท่อระบายน้ำและคูคลองเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้นกทม.ต้องการสร้างทางน้ำใหม่เพื่อลดระยะห่างระหว่างท่อระบายน้ำและแม่น้ำเพื่อเพิ่มความสามารถในการระบายน้ำสำหรับเมือง
อีกปัญหาน้ำในกรุงเทพฯ ที่มีมานานคือปัญหาน้ำเสียของแหล่งน้ำในธรรมชาติ เช่น แม่น้ำและลำคลอง ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ โครงสร้างหรือบ้านที่ไม่มีการควบคุมจนรุกล้ำคูคลอง บ้านเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีระบบบำบัดน้ำและถังบำบัดน้ำเสีย โดยจะทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแหล่งน้ำธรรมชาติโดยตรง รวมทั้งเครือข่ายโรงงานบำบัดน้ำเสียที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพน้ำยังไม่สมบูรณ์ โดยกทม.มีโรงงานบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ จำนวน 8 แห่ง ครอบคลุมเพียง 22 เขต จาก 50 เขต ซึ่งกทม.จะให้ความสำคัญกับการบำบัดน้ำเสียจากบ้านเรือน การติดตั้งระบบบำบัดน้ำที่จุดรวมน้ำเสียในพื้นที่ เช่น ตลาดสดใหญ่ๆในชุมชนต่างๆ เช่น ตลาดคลองเตย เป็นต้น
” เชื่อว่าการสัมมนาในวันนี้ที่รวบรวมผู้มีส่วนร่วมสำคัญจากไทยและสวีเดน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อแบ่งปันการแก้ไขปัญหาและเทคโนโลยีการจัดการน้ำและน้ำเสีย ประสบการณ์ และความท้าทายต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมสัมมนาในการค้นหาพื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกันที่อาจเกิดขึ้นกทม.พร้อมเปิดรับความร่วมมือกับพันธมิตรทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา เพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของกทม.เพื่อที่จะนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้ งานสัมมนาว่าด้วยน้ำและการจัดการน้ำเสียระหว่างไทยกับสวีเดน มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 11 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ความท้าทาย แนวทางการแก้ไขปัญหา และการถอดบทเรียนเรื่องการบริหารจัดการน้ำระหว่างไทยและสวีเดน แนะนำองค์การและโครงการริเริ่มที่มีความโดดเด่นของหน่วยงานในประเทศไทย ตลอดจนหารือเรื่องความร่วมมือ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
ผู้เข้าร่วมงานสัมมนาว่าด้วยน้ำและการจัดการน้ำเสียระหว่างไทย-สวีเดน (Thai-Swedish Water and Waster Seminar) ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนของไทย และสวีเดน เช่น องค์การจัดการน้ำเสีย กระทรวงมหาดไทย สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร บริษัท TEAM Consulting Engineering and Management บริษัท ส.นภา (ประเทศไทย) บริษัท EastWater บริษัท Progress Technology Consultants Business Sweden รวมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสวีเดนที่มีภารกิจในการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างไทย-สวีเดน อาทิ IVL (สถาบันวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมสวีเดน) Alfa Laval (หน่วยงานด้านการจัดหานวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบจากกิจกรรมที่ส่งผลต่อระบบนิเวศน์) Nordic water (หน่วยงานด้านการบำบัดน้ำเสีย) Xylem (หน่วยงานด้านนวัตกรรมการแก้ไขปัญหาและการจัดการน้ำ) และAtlas Copco (หน่วยงานที่ริเริ่มโครงการจัดการน้ำสำหรับทุกคน และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือกับชุมชน)
#สิ่งแวดล้อมดี #โครงสร้างดี