กรุงเทพธุรกิจ กกต.ชี้แจงหลักเกณฑ์- วิธีการรับสมัคร ส.ส.แบ่งเขต-บัญชีรายชื่อ- ยื่นบัญชีแคนดิเดตนายกฯ 3-7 เม.ย. ด้านผู้ว่าฯ “ชัชชาติ” ลงนาม กทม.ไฟเขียว เปิด 16 สถานที่ ตั้งเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง 66
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2566 สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า ตามที่ กกต.ได้กำหนดให้วันที่ 3-7 เม.ย. 2566 เวลา 08.30 – 16.30 น. เป็นวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และในวันที่ 4 -6 เม.ย. 2566 เวลา 08.30 – 16.30 น. และในวันที่ 7 เม.ย. 2566 เวลา 08.30-16.00 น. เป็นวันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น
กกต.จึงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการ เกี่ยวกับการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะ เสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีดังนี้
โดยการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต ผู้ที่จะ สมัครรับเลือกตั้ง ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งพร้อมเอกสารหลักฐาน ต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งกำหนด ประกอบด้วย 1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 2.สำเนาทะเบียนบ้าน 3.ใบรับรองแพทย์ 4.หนังสือรับรองการส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองซึ่งต้องมีคำรับรองด้วยว่าได้ดำเนินการถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้ว (ส.ส. 4/8)
5.หลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2563 ปีภาษี 2564 และ ปีภาษี 2565 ของผู้สมัคร เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษี (ส.ส. 4/7) 6.รูปถ่ายหน้าตรง คนละ 10 รูป 7. เงินค่าธรรมเนียมการสมัครคนละ 10,000 บาท 8.เอกสารสรุปย่อประวัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต
9. หลักฐานประกอบการสมัคร รับเลือกตั้งเพิ่มเติมอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ (1) หลักฐานซึ่งแสดงว่ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึง วันสมัครรับเลือกตั้ง (2) หลักฐานซึ่งแสดงว่าเป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง (3) หลักฐานซึ่งแสดงว่าเคยศึกษาในสถานศึกษา ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษา (4) หลักฐาน ซึ่งแสดงว่าเคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ ในหน่วยงานของรัฐ หรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี
ส่วนการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบเขต และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งได้ออกใบรับใบสมัครรับเลือกตั้งแล้ว หากประสงค์จะส่งสมาชิกพรรคการเมืองสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือผู้ได้รับมอบหมาย เป็นหนังสือจากหัวหน้าพรรคการเมือง ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครพร้อมทั้งหลักฐานประกอบของแต่ละคน ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.เขตดินแดง
ประกอบด้วย 1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 2.สำเนาทะเบียนบ้าน 3.ใบรับรองแพทย์ 4.หนังสือรับรองการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของหัวหน้าพรรคการเมืองซึ่งต้องมีคำรับรองด้วยว่าได้ดำเนินการถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้ว (ส.ส.4/8) 5. หนังสือยินยอมให้เสนอชื่อสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ
6.หลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2563 ปีภาษี 2564และปีภาษี 2565 ของผู้สมัคร เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษีพร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษี (ส.ส.4/7) 7. รูปถ่ายหน้าตรง คนละ 10 รูป 8. เงินค่าธรรมเนียมการสมัครคนละ 10,000 บาท
โดยบุคคลใดจะสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ให้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองเดียว และจะสมัครรับเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หรือแบบบัญชีรายชื่อแบบใดแบบหนึ่งได้เพียงแบบเดียว และสมัครรับเลือกตั้งได้เพียงเขตเดียว
นอกจากนั้น พรรคการเมืองที่ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ได้ออกใบรับ ใบสมัครรับเลือกตั้งแล้ว หากประสงค์จะแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรี ให้แจ้งรายชื่อพร้อมหนังสือแสดงความยินยอม ของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่เกิน 3 รายชื่อ ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.เขตดินแดง
วันเดียวกันนี้(28 มี.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้ลงนามออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดสถานที่สำหรับการปราศรัยหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.โดยระบุว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป กทม.จึงกำหนดสถานที่สำหรับการปราศรัยหาเสียงแบบแบ่งเขต กทม.และสำหรับพรรคการเมือง 16 แห่งประกอบด้วย
1.ลานคนเมือง เขตพระนคร 2. สวนจตุจักร เขตจตุจักร 3. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร 4. อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย 5. สวนลุมพินี เขตปทุมวัน 6. สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม 7. สวนพระนคร เขตลาดกระบัง 8. สวนพัฒนาภิรมย์ เขตประเวศ 9.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน 10. สวนสาธารณะหน้าเดอะมอลล์บางแค เขตบางแค
11. บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วงเวียนใหญ่) เขตธนบุรี 12. สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด 13. สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด 14. ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ 15. ศูนย์ฝึกกีฬาบางกอกอารีน่า เขตหนองจอก 16. สถานที่แห่งอื่นๆ ตามที่หัวหน้าหน่วยงานผู้ซึ่ง ดูแลรับผิดชอบสถานที่พิจารณาเห็นสมควร
ทั้งนี้ กทม.ได้ตั้งหลักเกณฑ์ในการขอใช้สถานที่เพื่อเป็นเวทีปราศรัย ว่าจะต้องเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต หรือพรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัคร ให้ยื่นคำร้องต่อหัวหน้าหน่วยงาน ที่ดูแลรับผิดชอบสถานที่นั้นๆในวันและเวลาราชการโดยต้องยื่นคำร้องล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน และผู้ยื่นคำร้องขอใช้สถานที่จะต้องจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และเวทีในการปราศรัยหาเสียง มาเอง ซึ่ง กทม.จะอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ และหากเกิดความเสียหายในการใช้สถานที่จัดเวทีปราศรัยหาเสียงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
ส่วนหลักเกณฑ์อื่นๆให้เป็นไปตามที่หน่วยงาน ผู้ดูแลรับผิดชอบสถานที่กำหนด โดยให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 มี.ค. 2566