(28 ก.พ. 66) นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้านโครงสร้างและการบริหารทรัพยากรบุคคลกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2/2566 ณ ห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร

ประธานที่ปรึกษาฯ ต่อศักดิ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เริ่มต้นได้วิเคราะห์ปัญหาทั้งหมดทางด้านทรัพยากรบุคคล (HR) ของกรุงเทพมหานครซึ่งแบ่งออกเป็น 7 เรื่องที่คิดว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขสำเร็จ คือ 1. ปัญหาโครงสร้างขนาดใหญ่ 2. กระบวนงานที่ซับซ้อน 3. จำนวนอัตรากำลังกว่าแสนคน 4. ระเบียบกฎเกณฑ์จำนวนมาก 5. ความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและเลื่อนระดับ 6. ร้องเรียนทุจริต 7. ประชาชนเข้าถึงบริการยาก โดยเรื่องที่สำคัญเรื่องแรกที่ต้องทำคือเรื่องความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและเลื่อนระดับ ซึ่งประธานที่ปรึกษาฯ ต่อศักดิ์ ได้กล่าวถึงนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนงานด้าน HR ของกทม. ให้เป็นไปตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือ

•ปรับโควตา เพิ่มเส้นทางความก้าวหน้า แก้หลักเกณฑ์ลูกจ้าง กทม.

ทั้งนี้ ลูกจ้างชั่วคราวและลูกจ้างประจำ จะมีการเปลี่ยนแปลงคือ ปรับโควตาการขึ้นเป็นลูกจ้างประจำ จาก 1 % เป็น 4%, ลูกจ้างชั่วคราวและลูกจ้างประจำที่มีคุณสมบัติครบถ้วน สามารถสมัครสอบเป็นข้าราชการ กทม.สามัญได้, เพิ่มเส้นทางความก้าวหน้าในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่ใช้ความรู้เฉพาะด้าน, ปรับแก้หลักเกณฑ์การคัดเลือกลูกจ้างชั่วคราวเป็นลูกจ้างประจำ โดยเน้นประสบการณ์และผลงาน และมีการจ้างบุคคลภายนอก (Outsource) ในงานบริการสาธารณะ

•ปรับปรุงรูปแบบการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร

เดิมทีการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรมี 3 รูปแบบ ซึ่งเน้นการสอบแข่งขัน โดยจะมีการปรับปรุงรูปแบบการสรรหาเพื่อให้มีกรอบอัตรากำลังด้วยความรวดเร็วในการให้บริการประชาชน อาทิ การบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างองค์กร (MOU) การคัดเลือกคนพิการ การคัดเลือกในวุฒิที่ขาดแคลน เป็นต้น โดยจะมีการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการสอบ เช่น การรายงานตัวผ่านออนไลน์ การสอบสัมภาษณ์ผ่านออนไลน์และเตรียมเปิดสอบภาค ก ด้วยระบบออนไลน์

•ปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการให้มีความโปร่งใส เป็นธรรม

โดยพิจารณาจากประสบการณ์ ผลสัมฤทธิ์ ด้วยเครื่องมือคัดเลือกที่หลากหลาย ออกเป็นกฎ ก.ก. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกเพื่อเลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการ กทม.สามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ นำระบบ OKRs กำหนดในแผนปฏิบัติราชการของหน่วยงาน และเชื่อมโยงการประเมินผลปฏิบัติราชการระดับบุคคล โดยในปี พ.ศ. 2566 มุ่งเน้นการประเมินในระดับบุคคลของผู้อำนวยการเขต เป็นต้น

•การทดลองปรับโครงสร้างและระบบงานเขตใหม่

เดิมกรุงเทพมหานครมีหน่วยงานรองรับในเขต 10 ฝ่าย ซึ่งจะปรับเปลี่ยนเป็นกลุ่มภารกิจในพื้นที่เป็น 6 กลุ่มภารกิจ โดยทดลองนำร่องในกลุ่มภารกิจด้านสังคมและคุณภาพชีวิตของสำนักงานเขตนำร่อง (Sandbox) ได้แก่ สำนักงานเขตบางเขน สำนักงานเขตคลองเตย สำนักงานเขตภาษีเจริญ สำนักงานเขตตลิ่งชัน และจะดำเนินการขยายผลในอีก 5 กลุ่มภารกิจ

•ออกแบบการพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานด้วยการผนึกกำลัง 3 หน่วยงาน

สำหรับการพัฒนากำลังคน เดิมเป็นการพัฒนาด้วยระบบโครงการ ปรับรูปแบบเป็นผนึกกำลังการพัฒนาร่วมกัน 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงาน ก.ก. มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
สถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร โดยออกแบบการพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานเส้นเลือดฝอย 5 กลุ่มงาน ได้แก่ นักจัดการเมือง นักจัดการคุณภาพชีวิตเมือง นักจัดการสิ่งแวดล้อมเมือง วิศวกรเมือง และนักจัดการความปลอดภัยเมือง

•ขับเคลื่อนนโยบายโปร่งใส ไม่ส่วย

นอกจากนี้จะเพิ่มเติมการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) และศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศปต.กทม.) สร้างความร่วมมือกับเครือข่ายภาคราชการ รวมหลักเกณฑ์การดำเนินการทางวินัย เป็น กฎ ก.ก. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2565 เป็นต้น

ทั้งนี้ ประธานที่ปรึกษาฯ ต่อศักดิ์ ได้ตอบคำถามถึงประเด็นการลดอัตรากำลังของสำนักงานเขต ที่อาจสวนทางกับปริมาณภารกิจที่ได้รับว่า เมื่อลงไปดูแล้วพบว่าในบางส่วนขาดคนจริงอย่างที่มีรายงาน โดยในภาพรวมของการทำงาน เมื่อพิจารณาตามช่วงเวลาหรือช่วงฤดูกาล พบว่างานในแต่ละตำแหน่ง จะยุ่งและว่างเป็นช่วงเวลา ซึ่งเมื่อได้ทดลองเกลี่ยงานตามที่สำนักงาน ก.ก. ทำตามที่กำหนดในนโยบายข้างต้น พบว่าสามารถที่จะเกลี่ยงานได้ สำหรับงานของสำนักงานเขต แท้จริงแล้วต้องเป็นงานที่คนอื่นทำไม่ได้ อะไรที่คนอื่นทำได้ควรจะให้คนอื่นทำ และเขตควรจะทำในเรื่องที่เป็นการพัฒนามากขึ้น ไปบูรณาการทำงานที่เป็นงานระดับนโยบายและเป็นงานใหม่ ๆ เช่น เศรษฐกิจเมืองที่กรุงเทพมหานครยังไม่เคยมีมาก่อน หากทำแบบนี้ได้ ทั้งเขต สำนัก และกรุงเทพมหานครโดยฝ่ายบริหารเชื่อมโยงกับแนวนโยบาย จะทำให้กรุงเทพฯ บูรณาการได้

การประชุมในวันนี้ มี รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พญ.วันทนีย์ วัฒนะ และนายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการฯ คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมการประชุม