“แม้มีอายุมากขึ้น สังขารได้เสื่อมโทรมลง แต่ผู้สูงอายุไม่ได้เป็นภาระ เพราะท่านเป็นผู้มีประสบการณ์อันทรงคุณค่า สามารถยังประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้อีกมาก สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างทรงเกียรติ และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน” พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวในการเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเพื่อรับทราบแนวนโยบาย ระดมความคิดเห็น และจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) กลุ่มผู้บริหารหน่วยงานของกรุงเทพมหานครและผู้เกี่ยวข้อง ณ ห้องแมนดาริน บี ชั้น 1 โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพฯ เขตปทุมวัน วันนี้ (1 พ.ย. 65)
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากรายงานพบว่าวันนี้กรุงเทพมหานครเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ และผู้สูงอายุในเขตเมืองมีความแตกต่างจากชนบท คือ จากครอบครัวขยายกลายเป็นครอบครัวเดี่ยว นอกจากนี้ยังมีข้อมูลน่าสนใจในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช่น คนโสดที่สูงอายุประสงค์จะอยู่คนเดียว คนสูงอายุที่มีครอบครัวแล้วแต่ประสงค์จะอยู่คนเดียว ซึ่งมีจำนวนมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญมาโดยตลอด จึงต้องมีกระบวนการบริหารจัดการเพื่อให้ผู้สูงอายุมีหลักประกัน การดูแล การสอดส่องช่วยเหลือ ซึ่งรองรับในมิติต่าง ๆ ทั้งมิติทางสังคม มิติทางกฎหมาย มิติทางเศรษฐกิจ มิติสุขภาพ เป็นต้น เพื่อให้ผู้สูงอายุได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ พึ่งพาตนเองได้ มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคม และมีหลักประกันที่มั่นคงไปจนบั้นปลายชีวิต
“ในนามของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่เสียสละเวลามาประชุมในวันนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกความเห็น ทุกประเด็นข้อเสนอ จะถูกรวบรวมและนำมาใช้ในการจัดทำแผน เพื่อให้ผู้สูงอายุของกรุงเทพมหานครได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีครบทุกมิติ และขออวยพรให้การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ด้วยดีทุกประการ” รองปลัดฯ วันทนีย์ กล่าวในตอนท้าย
ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) คือมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และมีการคาดการณ์ว่า ในราวปี พ.ศ. 2578 จะมีผู้สูงอายุถึง 1 ใน 3 หรือกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) สำหรับกรุงเทพมหานครก็ได้เข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์แล้ว โดยมีจำนวนผู้สูงอายุร้อยละ 21.65
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เริ่มจัดทำแผนผู้สูงอายุแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ.2525 และต่อมา แผนฉบับที่ 2 ฉบับปรับปรุงปี พ.ศ. 2552 ได้กำหนดมาตรการใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาของผู้สูงอายุและสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป มุ่งเน้นด้านคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ให้ดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพได้นานที่สุด โดยมีสวัสดิการจากรัฐเป็นระบบเสริม เพื่อให้เกิดหลักประกันและความมั่นคง ในส่วนกรุงเทพมหานครได้นำข้อมูลจากแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ และแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี มาเป็นกรอบแนวคิดในการร่างแผนฯ มีการกำหนดยุทธศาสตร์เป็น 5 ยุทธศาสตร์หลัก ตามแผนฯ ระดับชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ปัจจุบันดำเนินการตามแผนจนเสร็จสิ้นแผนระยะที่ 2 แล้ว
ในการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 3 ครั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะได้นำผลการประเมินแผนฯ ระยะที่ 2 มาเป็นข้อมูลนำเข้าในการจัดทำแผนฯ โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบนโยบายในการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 3 ให้กับผู้บริหารทุกสำนัก และผู้อำนวยการเขต 50 เขต รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ต.ค. 65 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ เขตราชเทวี และได้มีการจัดประชุมระดมความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. 65 ณ โรงแรมสุโกศล เขตราชเทวี ซึ่งการจัดทำแผนฯ จะมีการจัดประชุมระดมความคิดเห็นจากผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน มีการวิพากษ์ร่างแผนฯ จัดทำรูปเล่ม และจัดประชุมชี้แจงหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายคือ เกิดแผนบูรณาการงานด้านผู้สูงอายุของกรุงเทพมหานคร เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ของแผนฯ ระยะที่ 3 ที่กล่าวว่า “ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตดี มีหลักประกันมั่นคง เป็นพลังพัฒนาสังคม” และสอดคล้องกับนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “ชมรมผู้สูงอายุ สร้างสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพใจ (Active Aging)” โดยมีกำหนดการดำเนินงานแล้วเสร็จในวันที่ 5 ก.พ. 66
สำหรับในวันนี้เป็นการประชุมระดมความคิดเห็นและจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) สำหรับผู้บริหารหน่วยงานของกรุงเทพมหานครและภาคีเครือข่ายผู้เกี่ยวข้อง โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้บริหารทุกสำนัก ผู้อำนวยการเขต 50 เขต ผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้แก่ สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านผู้สูงอายุ รวมทั้งสิ้น 120 คน