
(1 ต.ค. 68) นายณัฐพล นาคพันธุ์ ผู้อำนวยการกองแผนงานและประสานสาธารณูปโภค สำนักการโยธา กทม. เปิดเผยถึงการขยายผลภายหลังการจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบตัดสายไฟฟ้าบนสะพานยกระดับพระราม 9 ฝั่งขาเข้า เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 68 ว่า สำนักการโยธา ร่วมกับสำนักงานเขตห้วยขวางลงพื้นที่ตรวจสอบร้านรับซื้อ-ขายของเก่าภายในบริเวณชุมชนริมคลองลาดพร้าวประชาอุทิศ ถนนริมคลองลาดพร้าว ซึ่งผู้กระทำความผิดอาจนำสายไฟที่ลักลอบตัดมาขาย เพื่อกำกับความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการ เอกสารการรับซื้อ-จำหน่าย บัญชีรายการสินค้า และการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแจ้งปิดหรือปรับปรุงร้าน กรณีพบไม่เป็นไปตามข้อกำหนด พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ.2535
นายณัฐพล กล่าวว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยสาธารณะและความมั่นคงของระบบสาธารณูปโภค การลักลอบตัดสายไฟฟ้าไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของรัฐ แต่ยังเสี่ยงต่อชีวิตประชาชนและกระทบต่อความต่อเนื่องของการให้บริการไฟฟ้า ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามกฎหมายหลายฉบับ ทั้งต่อผู้ลงมือกระทำและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้อของโจร พร้อมย้ำว่า กทม. จะบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่าให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าอย่างโปร่งใส และหลีกเลี่ยงการรับซื้อทรัพย์สินที่น่าสงสัย หากประชาชนพบเห็นเหตุผิดปกติหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการลักลอบตัดสายไฟฟ้า โปรดโทรแจ้ง 191 หรือ Traffy Fondue เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
ในส่วนของผู้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์การตัด/ขโมยสายไฟฟ้าเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยเฉพาะเมื่อทรัพย์นั้นเป็นของทางราชการหรือใช้เพื่อสาธารณูปโภค ผู้กระทำมีโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และมาตรา 335 โทษจำคุก 1–5 ปี และปรับ 20,000–100,000 บาท ผู้กระทำความผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์แก่ทรัพย์ของผู้อื่น/รัฐ การตัด ทำลาย หรือทำให้ระบบไฟฟ้า/อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย อาจเข้าข่ายความผิดจำคุก 1–5 ปี และปรับ 20,000–100,000 บาท หากเป็นการทำให้เสียหายแก่อุปกรณ์หรือระบบสาธารณูปโภค (เช่น สายส่ง/อุปกรณ์ไฟฟ้า) ตามมาตรา 360 โทษจำคุก 1–5 ปี และปรับ 20,000–100,000 บาท หากเป็นการทำลายหรือแทรกแซงอุปกรณ์ ระบบ หรือทรัพย์สินของหน่วยงานไฟฟ้า อาจมีความผิดตามกฎหมายเฉพาะของหน่วยงานไฟฟ้า (เช่น การไฟฟ้านครหลวง/การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ/หรือปรับตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท
หากรับของโจร ผู้ที่รับซื้อ รับจำนำ หรือช่วยปกปิดอำพรางทรัพย์สินที่ได้มาจากการลักทรัพย์ (เช่น สายไฟฟ้าที่ถูกตัด) อาจมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับกฎหมายควบคุม/กำกับร้านรับซื้อของเก่า ผู้ประกอบการต้องมีใบอนุญาตและปฏิบัติตามเงื่อนไขทางกฎหมาย (เช่น จดทะเบียน บันทึกรายการซื้อขาย ตรวจสอบและบันทึกข้อมูลผู้ขาย เก็บหลักฐานยืนยันตัวตน และอำนวยความสะดวกต่อการตรวจของเจ้าพนักงาน) หากผู้ใดประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.ศ. ๒๕๓๕กรณีไม่จัดทำ/ไม่เก็บบันทึกรายการซื้อขาย/ไม่แสดงหลักฐานผู้ขายตามที่กำหนด ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ไม่แสดงใบอนุญาต/ป้ายหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขใบอนุญาต ปรับไม่เกิน 5,000–10,000 บาท
——