
(30 ก.ย. 68) เวลา 12.45 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขตพญาไท ประกอบด้วย
พัฒนาสวน 15 นาที สวนหน้ากรมดุริยางค์ @เขตพญาไท ซึ่งเขตฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่ว่าง ตั้งวางชุดม้านั่ง เครื่องออกกำลังกาย ปูหญ้าสนาม ปลูกไม้พุ่มไม้ประดับ รวมถึงอนุรักษ์ไม้ยืนต้นที่ขึ้นอยู่เดิมภายในสวน ปัจจุบันเขตฯ มีสวน 15 นาที (สวนเดิม) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1.สวนพญาไทภิรมย์ พื้นที่ 10 ไร่ กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2.สวนอารีสัมพันธ์ พื้นที่ 9 ไร่ กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมประชาสัมพันธ์ สวน 15 นาที (สวนใหม่) จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ 1.สวนร่วมมิตร @ เขตพญาไท พื้นที่ 2 งาน 35 ตารางวา กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2.สวนอินทามระ 14 @ เขตพญาไท พื้นที่ 1 งาน 3.สวนซอยหม่อมแผ้ว @ เขตพญาไท ถนนพระรามที่ 6 ซอย 41 พื้นที่ 200 ตารางเมตร กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการประปานครหลวง 4.สวนวิภาวดี @ เขตพญาไท แยกถนนวิภาวดีรังสิตตัดถนนสุทธิสาร พื้นที่ 100 ตารางเมตร กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมทางหลวง 5.สวนย่านพหลโยธิน @ เขตพญาไท ปากซอยร่วมมิตร ถนนพหลโยธิน พื้นที่ 1 งาน 12 ตารางวา กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 6.สวนพระรามที่ 6 @ เขตพญาไท ตรงข้ามโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย พื้นที่ 1 งาน กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการประปานครหลวง 7.สวนรณชัย @ เขตพญาไท ถนนกำแพงเพชร 5 พื้นที่ 200 ตารางเมตร 8.สวนหน้ากรมดุริยางค์ @ เขตพญาไท ถนนวิภาวีรังสิต ขาออก พื้นที่ 250 ตารางเมตร กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมทางหลวง 9.สวนร่มสุข @ เขตพญาไท ถนนพระรามที่ 6 พื้นที่ 2 งาน 50 ตารางวา กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการประปานครหลวง อยู่ระหว่างดำเนินการ 10.สวนหน้าโรงเรียนอนุบาลสามเสน ถนนพระรามที่ 6 ขาเข้า พื้นที่ 1 งาน กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการประปานครหลวง อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ สำรวจพื้นที่ว่างพิจารณาถึงความเหมาะสมเพื่อจัดทำสวน 15 นาทีให้ครบทั้ง 10 แห่ง ตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในสวนให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในชุมชนที่เข้ามาใช้บริการ เพื่อให้การจัดทำสวน 15 นาที เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง
ติดตามการจัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์สาธารณะ วินกาญจนาคมตัดวิภาวดี ผู้ขับขี่ 21 คน สถานที่ตั้งวินและจุดจอดรถจักรยานยนต์อยู่บนทางเท้า ปัจจุบันเขตฯ มีวินรถจักรยานยนต์สาธารณะในพื้นที่ 109 วิน ผู้ขับขี่ 1,501 คน มีวินรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาให้เป็นวินต้นแบบ 10 วิน ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ จัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์สาธารณะให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตรวจตามแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะอย่างเคร่งครัด เน้นย้ำผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับที่กฎหมายกำหนด อาทิ การแต่งกาย ป้ายทะเบียนรถ อัตราค่าโดยสาร สถานที่ตั้งวิน วินัยจราจร ซึ่งเขตฯ ได้ตรวจความเรียบร้อยตามแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะอย่างต่อเนื่อง หากพบว่ามีข้อใดไม่ถูกต้องตามเกณฑ์ให้แจ้งข้อบกพร่องแก่ผู้ขับขี่ เพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเรียบร้อย สำหรับแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะ ประกอบด้วย 1.ด้านความสะอาด ได้แก่ สถานที่ตั้งวินและโดยรอบต้องมีความสะอาด ไม่มีการตอกผูกยึดโยง 2.ด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้แก่ จอดรถจักรยานยนต์เป็นระเบียบ ไม่กีดขวางทางเท้าหรือพื้นผิวจราจร ตั้งวางม้านั่งเป็นระเบียบ 3.ด้านกฎหมาย ได้แก่ การแต่งกายถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เสื้อวิน เบอร์เสื้อถูกต้องตามบัญชี ไม่ขับขี่บนทางเท้า ป้ายทะเบียนถูกต้อง สวมหมวกนิรภัย ป้ายอัตราค่าโดยสารถูกต้อง ไม่เก็บค่าโดยสารเกินราคา ไม่นำเสื้อวินไปเช่าช่วงต่อ 4.ด้านอื่น ๆ ได้แก่ ไม่ดื่มสุรา กริยามารยาทสุภาพ
ตรวจการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า บริเวณถนนสาลีรัฐวิภาค ปัจจุบันเขตฯ มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน จำนวน 3 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 165 ราย ได้แก่ 1.ซอยพหลโยธิน 7 ผู้ค้า 77 ราย 2.ถนนประดิพัทธ์ ฝั่งขาออก ผู้ค้า 67 ราย 3.ถนนประดิพัทธ์ ฝั่งขาเข้า ผู้ค้า 21 ราย ส่วนพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 4 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 108 ราย ได้แก่ 1.ถนนสาลีรัฐวิภาค ผู้ค้า 50 ราย 2.หน้าสำนักงาน ป.ป.ส. ถนนดินแดง ผู้ค้า 33 ราย 3.ซอยพหลโยธิน 9 ผู้ค้า 19 ราย 4.หน้าโรงแรม Grand Tower Inn ผู้ค้า 6 ราย ซึ่งจุดทำการค้าทั้ง 4 จุด อยู่ในแผนดำเนินการยกระดับเป็นจุดผ่อนผัน ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสิน ปรับปรุงลักษณะของแผงค้าให้เป็นรูปแบบเดียวกัน เปลี่ยนร่มและผ้าใบกันแดดเป็นสีชมพู นอกจากนี้ เขตฯ ได้ประสานความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK) จัดทำ Hawker Center บริเวณพื้นที่ชั้น 1 ของอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 50 ราย และพื้นที่ด้านนอกอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ต่อมาได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ให้ใช้พื้นที่ด้านหน้าอาคาร 10 จัดทำ Hawker Center รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย และพื้นที่ด้านนอกอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ จัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าปี 67 รวมถึงพิจารณาจุดที่อยู่ในแผนยกระดับให้เป็นจุดผ่อนผัน การจัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะในแต่ละร้านค้า การทำความสะอาดพื้นที่หลังเลิกทำการค้าในแต่ละวัน เพื่อความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่
ตรวจจุดติดตั้งกล้อง CCTV จับภาพอัจฉริยะผ่านระบบ BMA AI CAMERA บริเวณปากซอยพหลโยธิน 6 ซึ่งเขตฯ มีจุดติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 2 จุด ได้แก่ 1.ปากซอยพหลโยธิน 5 2.ปากซอยพหลโยธิน 6 เพื่อตรวจจับผู้กระทำความผิดขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า กวดขันวินัยจราจรเปรียบเทียบปรับแก่ผู้ฝ่าฝืนนำรถยนต์ขึ้นมาจอดหรือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ซึ่งเขตฯ ได้ติดป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ติดตั้งเสากั้นรถจักรยานยนต์ จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจเฝ้าระวังในจุดดังกล่าว ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับเป็นพินัยไม่เกิน 5,000 บาท
เยี่ยมชมต้นแบบการคัดแยกขยะ อาคารชุดพักอาศัยพาร์คพาวิลเลี่ยน ปากซอยอารีย์ 5 เหนือ พื้นที่ 9,913 ตารางเมตร อาคารความสูง 16 ชั้น จำนวน 75 ห้อง ผู้พักอาศัย 136 คน วิธีการคัดแยกขยะ โดยจำแนกตามประเภทของขยะ ดังนี้ 1.ขยะอินทรีย์ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยคัดแยกขยะเศษอาหาร แม่บ้านจะจัดเก็บรวบรวมขยะเศษอาหารมาไว้ที่บริเวณชั้น 1 เขตฯ จัดเก็บ 2.ขยะรีไซเคิล ประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยคัดแยกขยะรีไซเคิล แม่บ้านจะจัดเก็บรวบรวมขยะรีไซเคิล เมื่อได้ปริมาณมากพอจะนำไปจำหน่าย 3.ขยะทั่วไป ประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยคัดแยกขยะก่อนทิ้ง เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะ เขตฯ จัดเก็บ 4.ขยะอันตราย มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บขยะอันตรายโดยเฉพาะ ประสานเขตฯ จัดเก็บ สำหรับปริมาณขยะก่อนคัดแยกและหลังคัดแยก ดังนี้ ขยะทั่วไปก่อนคัดแยก 157 กิโลกรัม/วัน หลังคัดแยก 80 กิโลกรัม/วัน ขยะรีไซเคิลหลังคัดแยก 17 กิโลกรัม/วัน ขยะอินทรีย์หลังคัดแยก 60 กิโลกรัม/วัน ขยะอันตรายหลังคัดแยก 10 กิโลกรัม/ครั้ง ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้คำแนะนำในการคัดแยกขยะประเภทต่าง ๆ เพื่อให้จัดเก็บมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งปริมาณขยะที่คัดแยกจะมีผลต่ออัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการมูลฝอยฉบับใหม่ พร้อมทั้งมอบหมายให้เขตฯ ลงพื้นที่ตามชุมชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY เข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” โดยจะมีผลบังคับใช้อัตราค่าธรรมเนียมใหม่ในเดือนตุลาคม 2568 นี้
ในการนี้มี นายวรชล ถาวรพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ นายสายชล จังสมยา ผู้อำนวยการเขตพญาไท พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตพญาไท สำนักเทศกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล
#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี #เศรษฐกิจดี #ปลอดภัยดี#บ้านนี้ไม่เทรวม #แยกขยะจ่ายน้อยกว่า #แยก20ไม่แยก60 #BKKWASTEPAY
—– (จิรัฐคม…สปส.รายงาน)


