(23 ก.ย.68) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเสวนาในหัวข้อ
“บูรณาการเชิงรุกเพื่อส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกันในระยะยาวของประเทศไทย” ในงาน “ส่งเสริมภูมิกาย สร้างเสริมภูมิใจ ให้วัย Gen ยัง Active 50+” เนื่องในวันผู้สูงอายุสากล (International Day of Older Persons) ที่ระดมผู้กำหนดนโยบายสุขภาพระดับประเทศ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และแนวทางการขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทย ตอบโจทย์ความท้าทายของสังคมสูงวัย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในประเทศไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ณ ห้องฉัตรา บอลรูม โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เขตปทุมวัน

รศ.ทวิดา กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพฯ มีผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปกว่า 1.3 ล้านคน หรือร้อยละ 23.73 ของประชากร แนวทางการสร้างเสริมสุขภาวะในชุมชนหรือผู้สูงอายุของกทม.ที่ผ่านมาได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับผู้สูงอายุแล้วกว่า 193,000 คน รวมถึงจัดโครงการตรวจสุขภาพฟรี 1 ล้านคน พบว่าจากโครงการนี้มีผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีมาตรวจสุขภาพถึงร้อยละ 52 โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีกว่าร้อยละ 30 ซึ่งจากผลตรวจพบว่ามีโรคเบาหวานความดัน ไขมันในเลือดสูง จึงทำให้กทม.ทราบว่า ต้องจัดโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพให้กลุ่มคนเหล่านี้ ดังนั้นจึงต้องมีกิจกรรมมากขึ้น ที่ผ่านมาทั้ง 50 เขตได้ใช้งบประมาณจาก สปสช. ในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ รวมทั้งมีการแจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่กว่า 2 หมื่นราย ในจำนวนนี้ติดเตียง 1,600 ราย ทั้งนี้ในปีนี้มีแผนที่จะแจกผ้าอ้อมด้วยการให้บ้านที่มีผู้สูงวัยหรือผู้ป่วยติดเตียงแจ้งผ่านระบบ Traffy Fondue นอกจากนี้ กทม.ยังมีการจัดกิจกรรม วิ่งล้อมเมือง “Healthy City” เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาออกกำลังกายง่ายๆ ด้วยการวิ่งซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมทั้ง 50 เขตและเป็นพื้นที่ใกล้บ้าน รวมทั้งยังลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อไม่เรื้อรัง(NCDs) อีกด้วย
“การที่จะดูแลสุขภาพให้ดี ควรส่งเสริมให้เริ่มต้นตั้งแต่ที่บ้าน รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุข คนในชุมชน และหน่วยงานอื่นที่นอกเหนือจากแพทย์และพยาบาล ที่ต้องช่วยดูแลเรื่องสุขภาพให้ครอบคลุมคนในสังคมให้มากขึ้นทั้งสุขภาวะและสุขภาพ กทม.ได้ดำเนินการในหลายมิติเพื่อทำให้ผู้สูงอายุมีสังคม มีเพื่อน ไม่ติดเตียง และเป็นเมืองที่ผู้สูงอายุไม่เพียงแต่อยู่ได้ แต่ยังอยู่ดี มีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงยั่งยืน” รศ.ทวิดา กล่าวในการเสวนา
ทั้งนี้ โครงการ Gen ยัง Active 50+ จัดโดยภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับบริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด (GSK) และภาคีเครือข่าย มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสำหรับคนไทยวัยทำงานและผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือกลุ่ม Gen ยัง Active ให้ตระหนักและใส่ใจสุขภาพของตนเองและครอบครัว โดยมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย พร้อมสนับสนุนให้กลุ่ม Gen ยัง Active มีศักยภาพในการใช้ชีวิตอย่างแอคทีฟ และเตรียมความพร้อมสู่สังคมสูงวัยอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
สำหรับโครงการ “Gen ยัง Active 50+” เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ได้จัดทำศูนย์รวมข้อมูลด้านสุขภาพที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ผ่านแพลตฟอร์มที่เข้าถึงง่าย ได้แก่ เว็บไซต์www.GenYoungActive.com และ LINE OA: @GenYoungActive ประกอบด้วย สาระความรู้เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บและการป้องกันโรค กิจกรรมที่น่าสนใจ และบทสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจจากวัย 50+ ที่มีการใช้ชีวิตอย่างแอคทีฟอยู่เสมอ โดยภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะมีบทบาทสำคัญโดยตรงในการเป็นแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพที่ถูกต้อง
ร่วมกับ GSK และการสนับสนุนข้อมูลความรู้และความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ จากพันธมิตร เช่น กรมอนามัย สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เป็นต้น เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้ดูแลผู้สูงวัยและคนไทยทุกคน อัปเดตความรู้
และสามารถส่งต่อข้อมูลให้ครอบครัวและเพื่อน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ช่วยให้คน Gen ยัง Active หรือวัย 50+ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีคุณภาพและมีความสุข เมื่อเข้าสู่สังคมสูงวัยอีกด้วย
ผู้เข้าเสวนาในวันนี้ ประกอบด้วย นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค ทพ.ณัฐพงค์ กันทะวงค์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยผู้สูงอายุ กรมอนามัย นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และที่ปรึกษาโครงการ Gen ยัง Active 50+
#สุขภาพดี