
นายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังนำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเข้าเยี่ยมคารวะนายฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ สถานเอกอัครราชทูต กรุงปักกิ่ง ในโอกาสเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อประชุมแลกเปลี่ยนความร่วมมือและเสริมสร้างมิตรภาพกับสภาประชาชนกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ว่า การเข้าเยี่ยมคารวะท่านเอกอัครราชทูตฯ ในครั้งนี้เป็นการพบปะหารือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง เหตุเนื่องมาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัย ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ความกังวลเกี่ยวกับข่าวที่มีการล่อลวงชาวจีนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ข่าวตึกถล่ม ข่าวที่มีนักท่องเที่ยวถูกเอาเปรียบจากรถแท๊กซี่ และที่สำคัญคือเรื่องเศรษฐกิจของจีนในช่วงนี้ไม่เฟื่องฟูมากนัก ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันหลังจากที่จีนเปิดฟรีวีซ่า ชาวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่จีนมากกว่าเดิม 2-3 เท่า
นอกจากนี้ยังมีการหยิบยกประเด็นเรื่องความปลอดภัยและการจราจร ซึ่งคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานครได้ให้ข้อคิดเห็นว่าหากเราได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการจีนในเรื่องของเทคโนโลยี AI ซอฟต์แวร์ และการวางระบบกล้อง CCTV มาใช้ในกรุงเทพมหานครทั้งในเรื่องของการควบคุมการจราจร การควบคุมผู้กระทำผิดกฎจราจร หรือแม้แต่เพื่อการรักษาความปลอดภัย จะช่วยให้การพัฒนาเมืองเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทัดเทียมเมืองใหญ่ในหลายประเทศได้ และเป็น Smart City อย่างแท้จริง
สำหรับความร่วมมือด้านต่างประเทศ ท่านเอกอัครราชทูต ยังได้แนะนำการขยายความร่วมมือกับมณฑลต่างๆ ในจีน ซึ่งทุกมณฑลจะมีสภาของตัวเองทุกมณฑล และโครงสร้างการบริหารงานก็คล้ายกับสภากรุงเทพมหานคร แต่ละมณฑลก็จะมีศักยภาพที่แตกต่างกันออกไป เช่น มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งมีเมืองเซินเจิ้นที่เป็นเมืองศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เป็นผู้นำทางนวัตกรรมและการแข่งขันของเมือง มีบริษัทซอฟต์แวร์จำนวนมาก สภากรุงเทพมหานครจึงควรขยายความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน จะสามารถพัฒนาเมืองพัฒนาคนในด้านต่าง ๆ ที่เป็นจุดเด่นของแต่ละมณฑลได้ในอนาคต และทางสถานทูตมีความยินดีที่จะช่วยเหลือ ประสานงาน ตลอดจนให้ความร่วมมือต่าง ๆ กับสภากรุงเทพมหานครเป็นอย่างดี


