(22 ส.ค. 68) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเสวนา เรื่อง “บทบาทของนิติวิทยาศาสตร์ กรณีอาคารถล่มด้วยเหตุแผ่นดินไหว” ภายใต้โครงการส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านนิติวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2568 โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บุญส่ง ไข่เกษ นายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้าสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ซอยโยธี) เขตราชเทวี

• การทำงานภายใต้แรงกดดันเมื่อต้องทำงานแข่งกับเวลา
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า โดยหน้าที่เราทราบกันอยู่แล้วว่าแต่ละหน่วยงานที่เข้ามาในพื้นที่ทำหน้าที่อะไร มีแผนฉุกเฉินอย่างไร แต่ประเด็นสำคัญคือระบบในพื้นที่เกิดเหตุพร้อมรองรับหน่วยงานที่จะเข้ามารายงานตัวหรือไม่ กระบวนการทำงานเป็นอย่างไร ยอมรับว่าในช่วง 2 วันแรกวุ่นวายทำไม่ได้เลย แต่กลยุทธ์เมื่อมาทำงานร่วมกัน คือ ต้องร่วมกันทำให้ความวุ่นวายต่าง ๆ หายไป และหนึ่งในการทำงานภาวะวิกฤตคือต้องทำให้ทุกคนที่ทำงานในพื้นที่รู้เรื่องให้เหมือนกัน ในฐานะเป็นคนที่ทำหน้าที่เชื่อมทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน ต้องเรียงลำดับความสำคัญ ว่าอะไรต้องทำก่อนหลัง รวมถึงต้องเรียนรู้ทุกฝ่ายว่ามีขั้นตอนการทำงานอย่างไร เรียนรู้ข้อจำกัดซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้ทุกส่วนรู้ไปพร้อมกันว่ากระบวนการการทำงานจะเป็นไปอย่างไรต่อไป
• หลักการและแนวทางการสื่อสาร
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ต้องมีการสื่อสารกับสื่อมวลชนและสาธารณะชน ข้อมูลต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงทุกวัน เราจึงต้องมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันในมือให้เร็วที่สุดในแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังต้องเข้าใจบทบาทและความต้องการของสื่อในการนำเสนอข่าว เพราะสื่อคือช่องทางหลักที่ข้อมูลจะไปถึงประชาชนได้ และต้องพยายามขจัดความไม่มั่นใจในการสื่อสาร ตอบในสิ่งที่รู้และมั่นใจ หากไม่มั่นใจหรือไม่มีข้อมูล ควรแจ้งให้ทราบตรง ๆ หรือส่งต่อให้ผู้รู้ตอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลที่คลุมเครือหรือไม่ถูกต้อง
• แผนรองรับการบริหารจัดการ หากเกิดเหตุตึกถล่มอีกครั้ง
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า กทม. เรามีแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประเภทภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่มอยู่แล้ว แต่อาจต้องมีการปรับปรุงแผนอีกครั้งเพื่อให้ครอบคลุมเหตุการณ์รุนแรงในลักษณะเช่นนี้ นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมการก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันอาคารถล่มตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการกู้ภัยเป็นอย่างมาก และได้นำบทเรียนจากเหตุการณ์มาพัฒนาผู้อำนวยการเขต ผู้บริหารเขต ฝึกอบรมการบัญชาการเหตุการณ์ การประสานงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สชวท.) ตระหนักถึงความสำคัญของงานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ และเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 ในการช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ความรู้และสร้างจิตสำนึกทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่ประชาชน สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงจัดทำโครงการส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านนิติวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2568 (Hybrid Meeting Room) โดยเชิญผู้มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ในด้านนิติวิทยาศาสตร์มาแลกเปลี่ยนทักษะความรู้ ประสบการณ์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ให้กับสมาชิกและผู้ที่สนใจให้มีองค์ความรู้ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป
ในการนี้ มีผู้ร่วมเสวนาอีก 4 ท่าน ได้แก่ 1. พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สพฐ.ตร. 2. พ.ต.อ.หญิง ดร.หทัยชนก บุญญฤทธิ์ นักวิทยาศาสตร์ (สบ5) กลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมีและเขม่าดินปืน นต.รพ.ตร. 3. พ.ต.อ.หญิง สุภาพรรณ ปานทั่ง นักวิทยาศาสตร์ (สบ4) กลุ่มงานตรวจลายนิ้วมือแฝง พฐก.ตร. และ 4. ศ.ดร.บุษบา ฤกษ์อำนวยโชค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้นำเสวนา โดยมีสมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนักวิชาการ/ผู้แทนจากหน่วยงานราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไป ร่วมรับฟังทั้งแบบ Onsite และ Online
#กทม #ปลอดภัยดี