
“เป้าหมายของเราจริง ๆ ไม่ใช่แค่การทำให้จำนวนการบำบัดเป็นไปตามตัวชี้วัด (KPI) เท่านั้น แต่คือการลดจำนวนผู้ใช้ยาเสพติดอย่างแท้จริง โดยหากยังมีลูกหลานในบ้านของเราสักคนหนึ่งได้มีโอกาสข้องแวะกับยาเสพติดอยู่ นั่นคือเรายังทำไม่สำเร็จ ฉะนั้น จึงอยากเชิญชวนให้พวกเรามีพลังในการต่อต้านเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ” รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมมอบโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล ในงานมหกรรมรวมพลคน กทม. TO BE NUMBER ONE เอาชนะยาเสพติด ณ ห้องปรินซ์บอลรูม 2 – 3 ชั้น 11 อาคาร 1 โรงแรมปรินซ์ พาเลซ มหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร วันนี้ (24 มิ.ย. 68)
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานมหกรรมรวมพลคน กทม. TO BE NUMBER ONE เอาชนะยาเสพติด ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของกรุงเทพมหานครในการรวมพลังทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น
ในปัจจุบัน กรุงเทพมหานครถูกจัดอยู่ใน 25 จังหวัดแรกของประเทศที่เผชิญปัญหายาเสพติดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยทำงาน สารเสพติดก็มีความรุนแรงมากขึ้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และแนวโน้มการใช้สารเสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอีน ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ขณะเดียวกัน จำนวนคดี การจับกุม และการนำตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัดก็เพิ่มมากขึ้น แม้ในแง่หนึ่งจะสะท้อนถึงความตั้งใจจริงของเจ้าหน้าที่ แต่ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงการแพร่กระจายของปัญหานี้ในสังคมของเรา ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อัตราการว่างงานสูง ความเครียดในสังคมและโรงเรียนที่เพิ่มขึ้น เด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษามากขึ้น ของบางอย่างไม่นับเป็นสารเสพติดร้ายแรงแต่เป็นปัจจัยที่ชักนำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา น้ำกระท่อม ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมการเสพสารเสพติดอื่น ๆ ที่น่ากังวลคือ มีสารเสพติดรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย หรือนำสารเสพติดประเภทต่าง ๆ ที่อาจจะหาได้ง่าย มาผสมกันในรูปแบบ “ค็อกเทล” เพื่อเพิ่มความสนุก ซึ่งอยู่ในรูปลักษณ์ที่ดูน่าดึงดูดใจและโน้มน้าวให้เกิดการเข้าไปข้องแวะได้ง่าย
ขอให้กำลังใจทุกท่านที่ได้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาทำได้ค่อนข้างดี แต่ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นเรื่องที่ต้องการพลังในการช่วยกันเฝ้าดู เรายังต้องทำงานมากกว่านี้อีกเยอะ โครงการ TO BE NUMBER ONE เป็นกิจกรรมสำคัญที่ทำให้คนในชุมชนและเยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ ได้สร้างอาชีพ ตลอดจนสื่อสารให้ความรู้ซึ่งกันและกันว่าไม่ควรเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในลักษณะใดบ้าง โดยอาศัยความร่วมมือจากโรงเรียน ชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข และที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเราเห็นชัดเจนว่า เมื่อใดที่ตำรวจมีบทบาทนำในการดำเนินโครงการในชุมชน การมีส่วนร่วมของประชาชนจะสูงขึ้นอย่างมาก นั่นอาจเป็นเพราะประชาชนมีความเชื่อมั่นในเครื่องแบบ ทำให้กล้าที่จะเข้ามามีส่วนร่วม
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวด้วยว่า รางวัลที่ให้ในวันนี้ ยังคงมีประเภทหนึ่งที่ยังขาดหายไป จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีหน้า เราจะได้เห็นรางวัลที่มอบให้กับ “ศูนย์ฟื้นฟูคืนสู่สังคม” ของสำนักงานเขต ที่ต้องมีทั้ง 50 เขต ซึ่งต้องกล่าวว่า ศูนย์ฟื้นฟูฯ ไม่ใช่ที่ที่รอให้คนออกจากสถานบำบัด แต่คือจุดเริ่มต้นที่แรกของการที่ใครบางคนเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าเขาจะเลือกเดินไปทางไหนดี โดยศูนย์ฟื้นฟูฯ นี้ จะมีนักสังคมสงเคราะห์ ผู้ที่จบทั้งด้านสังคมสงเคราะห์และจิตวิทยา เพื่อจะสามารถพูดคุยให้คำปรึกษากับคนที่ยังลังเล อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
หรือบางคนที่อาจจะก้าวเข้าไปแล้วสักหน่อยหนึ่ง แต่ยังอยากจะหาทางกลับออกมาใช้ชีวิตในเส้นทางปกติ ฉะนั้น ศูนย์ฟื้นฟูฯ ของเราไม่ได้ทำงานเพียงแค่หลังการบำบัด แต่เริ่มก่อน เพื่อช่วยกันดึงคนเหล่านี้กลับมา ดึงเข้ามาร่วมกิจกรรม หรืออาจจะอยู่ในครอบครัวที่มีปัญหาและช่วยกันฟื้นฟูให้พวกเขากลับมามีอาชีพเหมือนเดิม กรุงเทพมหานครมีพื้นที่มากมายที่จะหาโอกาสเหล่านี้ให้ และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้ เรามีเครือข่ายเยอะมากในการทำเรื่องนี้ ก็อยากเชิญชวนทุกท่าน เพราะวันนี้เป็นมหกรรมที่รวมคนที่ต้องการให้ “ปัญหายาเสพติดหายไปเสียที” พูดง่าย ๆ คือ “หากจะให้ดีที่สุด ต้องอย่าให้มันเริ่มต้นเลย” ซึ่งก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก จึงต้องอาศัยพลังความร่วมมือทุกคน เป็นกำลังใจ ฉุดดึงให้ทุกคนออกมาจากปัญหาที่เป็นอยู่ แล้วตัดตอนปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้
“หวังว่าการให้รางวัลวันนี้ จะเป็นกำลังใจให้กับคนที่พยายามด้วยกำลังแรงกายและแรงใจ รวมถึงการสนับสนุนจากเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นองค์กร หรือเป็นรายบุคคลก็ตาม และหวังว่าเราจะสามารถทำให้ 1 ปีจากนี้ มีผลที่ก้าวกระโดดอย่างชนิดที่เรียกได้ว่า กรุงเทพมหานครหลุดจาก 25 จังหวัดแรกที่มีปัญหานี้ และไม่กลับมาอีก ต้องขอฝากงานนี้ไว้กับทุกท่าน เพราะใครคนใดคนหนึ่งทำคงไม่อาจสำเร็จได้ สุดท้ายนี้ ขอแสดงความยินกับทุกท่านที่ได้รางวัลในวันนี้ด้วย” รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวในตอนท้าย
กรุงเทพมหานครได้ดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย ลดความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน รวมถึงสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของวันต่อต้านยาเสพติดโลก และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคีเครือข่ายในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักอนามัยจึงได้จัดการประกวดผลการดำเนินงานชุมชนร่วมใจระวังภัยยาเสพติด ผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาและสารเสพติดในโรงเรียนระดับประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร และผลการดำเนินงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเขต (ศป.ปส.ข.) ประเภทดีเด่น ซึ่งมีทีมได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล รวม 24 รางวัล นอกจากนี้ ยังมีรางวัลสำหรับหน่วยงานภาคีเครือข่ายและบุคคลดีเด่น ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุขที่มีผลการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดดีเด่น สถานีตำรวจนครบาลที่มีผลงานด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดดีเด่น และบุคคลดีเด่นด้านการสนับสนุนการดำเนินงานเขต TO BE NUMBER ONE ซึ่งมีผู้ได้รับรางวัลรวมอีก 16 รางวัล
การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชน โรงเรียน สำนักงานเขต และหน่วยงานภาคี ได้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงาน แสดงศักยภาพและความสามารถในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็น “Stop Drugs, Start Power” การแสดงบูทนิทรรศการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การมอบโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลให้แก่ชุมชน โรงเรียนที่ชนะการประกวด หน่วยงานภาคีดีเด่น และบุคคลดีเด่น ที่ได้รับการคัดเลือก เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดสำหรับพื้นที่อื่นๆ พร้อมเชิดชูคนดีให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม โดยผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย ผู้อำนวยการเขต ชุมชนร่วมใจระวังภัยยาเสพติด นักเรียนระดับประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ข้าราชการและบุคลากรของกรุงเทพมหานคร รวมจำนวน 374 คน
สำหรับผู้ได้รับรางวัลการประกวด จำนวน 24 รางวัล มีดังนี้
1. ชุมชนร่วมใจระวังภัยยาเสพติด รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 40,000 บาท ได้แก่ ชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา (เชิงสะพานไม้ 2) เขตหลักสี่ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ ชุมชนบ้านสวนร่วมพัฒนา เขตพระโขนง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 25,000 บาท ได้แก่ ชุมชนหลังสวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ และรางวัลชมเชย ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ ชุมชนบ้านปูน เขตบางพลัด ชุมชนเชิงสะพานกรุงเทพ เขตบางคอแหลม ชุมชนริมคลองบางค้อ เขตจอมทอง ชุมชนสามัคคีร่วมใจ เขตบางเขน ชุมชนบางชันพัฒนา เขตมีนบุรี และชุมชนสามัคคีพัฒนา เขตบางกะปิ
2. โรงเรียนระดับประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 40,000 บาท ได้แก่ โรงเรียนสุเหร่าใหม่ เขตสวนหลวง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ โรงเรียนวัดปากบึง เขตลาดกระบัง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 25,000 บาท ได้แก่ โรงเรียนสุเหร่าลำแขก เขตหนองจอก และรางวัลชมเชย ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ โรงเรียนวัดดอน เขตสาทร โรงเรียนวัดลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก โรงเรียนวัดทองสัมฤทธิ์ เขตมีนบุรี โรงเรียนคลองสาม เขตมีนบุรี โรงเรียนลำสาลี (ราษฎร์บำรุง) เขตบางกะปิ และโรงเรียนวัดแสนสุข เขตมีนบุรี
3. ศป.ปส.ข. รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 40,000 บาท ได้แก่ สำนักงานเขตมีนบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ สำนักงานเขตบางนา รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 25,000 บาท ได้แก่ สำนักงานเขตคันนายาว และรางวัลชมเชย ได้รับโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ สำนักงานเขตหลักสี่ สำนักงานเขตบึงกุ่ม และสำนักงานเขตจตุจักร
ในส่วนของหน่วยงานและบุคคลที่ได้รับรางวัลดีเด่นด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน 16 รางวัล มีดังนี้
1. ศูนย์บริการสาธารณสุข จำนวน 5 แห่ง ได้รับโล่เกียรติคุณ ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย (ด้านการป้องกันการติดยาเสพติด) ศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง (ด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด) ศูนย์บริการสาธารณสุข 61 สังวาลย์ ทัสนารมย์ (ด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด) ศูนย์บริการสาธารณสุข 2 วัดมักกะสัน (ด้านการดูแลผู้มีปัญหายาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน หรือ CBTX) และศูนย์บริการสาธารณสุข 22 วัดปากบ่อ (ด้านการดูแลผู้มีปัญหายาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน หรือ CBTX)
2. สถานีตำรวจนครบาล จำนวน 3 แห่ง ได้รับโล่เกียรติคุณ ได้แก่ สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และสถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม
3. บุคคลดีเด่นด้านการสนับสนุนการดำเนินงานเขต TO BE NUMBER ONE จำนวน 8 คน ได้รับโล่เกียรติคุณ ได้แก่ นางกฤติมา นิ่มน้อย ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย นายพงค์ศักดิ์ พูลยรัตน์ ผู้อำนวยการเขตทุ่งครุ นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร นายดลจิตร์ เสรีรักษ์ ผู้อำนวยการเขตราษฎร์บูรณะ นายณัฐพงษ์ มีโภคกิจ ผู้อำนวยการเขตจอมทอง นายนภพล มนต์มนัสสิทธิ ผู้อำนวยการเขตลาดพร้าว และนางสาวยุวนุช นงพรมมา ผู้อำนวยการเขตหนองจอก
#กทม #สู้ภัยร้ายยาเสพติด #TOBENUMBERONE #เอาชนะยาเสพติด
—————————